วันนี้ (3 ตุลาคม) เมื่อเวลา 09.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อีกทั้งหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันตก ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์พายุโนรู ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง
ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 3 ตุลาคม 2565 เกิดสถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ 25 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน, พะเยา, เชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, สุโขทัย, เพชรบูรณ์, พิจิตร, ตาก, อุตรดิตถ์, น่าน, แพร่, อำนาจเจริญ, ศรีสะเกษ, ยโสธร, อุบลราชธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ, มุกดาหาร, สระบุรี, สระแก้ว, ปราจีนบุรี และพังงา รวม 96 อำเภอ 225 ตำบล 651 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,348 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 16 จังหวัด 69 อำเภอ 176 ตำบล 565 หมู่บ้าน ดังนี้
- ลำพูน น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลี้ อำเภอเมืองลำพูน อำเภอแม่ทา อำเภอบ้านโฮ่ง และอำเภอป่าซาง รวม 8 ตำบล 20 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
- ลำปาง น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเถิน อำเภอแม่พริก อำเภอเกาะคา อำเภอเมืองลำปาง และอำเภอห้างฉัตร รวม 18 ตำบล 51 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
- สุโขทัย น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัย รวม 4 ตำบล 10 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
- เพชรบูรณ์ น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอศรีเทพ อำเภอบึงสามพัน อำเภอหนองไผ่ และอำเภอหล่มสัก รวม 21 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 140 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
- พิจิตร น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอวชิรบารมี อำเภอดงเจริญ อำเภอทับคล้อ อำเภอบึงนาราง และอำเภอบางมูลนาก รวม 25 ตำบล 113 อำเภอ ระดับน้ำทรงตัว
- ตาก น้ำในคลองแม่ระกาไหลหลากเข้าท่วมตำบลโป่งแดง อำเภอเมืองตาก รวม 7 หมู่บ้าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- อุตรดิตถ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าพระ อำเภอพิชัย อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ และอำเภอทองแสนขัน รวม 17 ตำบล 73 หมู่บ้าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- น่าน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านหลวง และอำเภอนาน้อย รวม 6 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- แพร่ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเด่นชัย อำเภอวังชิ้น อำเภอเมืองแพร่ และอำเภอสูงเม่น รวม 5 ตำบล 16 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 176 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอห้วยทับทัน อำเภอยางชุมน้อย อำเภอวังหิน อำเภอภูสิงห์ อำเภอน้ำเกลี้ยง และอำเภออุทุมพรพิสัย รวม 16 ตำบล 46 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,301 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และอพยพประชาชน 379 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 16 จุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอเดชอุดม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลย์มังสาหาร และอำเภอตระการพืชผล รวม 19 ตำบล 59 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,336 ครัวเรือน อพยพประชาชน 61 ชุมชน 2,336 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 60 จุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น และอำเภอชนบท รวม 6 ตำบล 7 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
- ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเนินสง่า อำเภอจัตุรัส อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอบ้านเขว้า และอำเภอเมืองชัยภูมิ รวม 10 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลำทะเมนชัย และอำเภอสูงเนิน รวม 4 ตำบล 4 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านด่าน อำเภอพุทไธสง อำเภอสตึก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอนางรอง อำเภอปะคำ อำเภอบ้านกรวด อำเภอกระสัง และอำเภอคูเมือง รวม 14 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 277 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี และอำเภอเมืองปราจีนบุรี รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 61 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ขณะที่สถานการณ์มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขามีปริมาณมาก ยังคงทำให้มีสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ตาก พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ปทุมธานี สิงห์บุรี และชัยนาท รวม 22 อำเภอ 148 ตำบล 749 หมู่บ้าน ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ทาง ปภ. ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และให้การดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และจะได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784 โดยเพิ่มเพื่อน LINE ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT