พล็อตของละครเวที ‘ราตรีที่สิบสอง หรือเอาที่สบายใจ’ มีอยู่ว่า

     นางเอกแปลงโฉมเป็นผู้ชายเข้าไปทำงานในคฤหาสน์ของเศรษฐี วันหนึ่งขณะที่ไปส่งสารรักให้เศรษฐีนีอีกคนที่เจ้านายหลงรักมานาน ก็ปรากฏว่าเศรษฐีสาวดันหลงรักนางเอกที่ปลอมเป็นชายซะงั้น แต่เรื่องก็ยังยุ่งเหยิงขึ้นอีก เมื่อแท้ที่จริงแล้วนางเอกของเราตกหลุมรักเจ้านาย ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เพราะอยู่ไปอยู่มาเจ้านายก็ดันสับสนขึ้นมาอีกว่า นี่เราแอบปิ๊งลูกน้องหนุ่มน้อยเหรอเนี่ย

     ถ้ายังวุ่นวายไม่พอ ก็ต้องขอบอกอีกว่าจู่ๆ พี่ชายฝาแฝดของนางเอกเราที่คิดว่าตายไปแล้วดันโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย!?

     ข้างต้นไม่ใช่พล็อตละครโทรทัศน์ของช่องหลายสีที่ไหน แต่เป็นบทละครสุขนาฏกรรมชวนหัวของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) ที่เขียนขึ้นตั้งแต่ราวๆ ปี 1601 ชื่อว่า Twelfth Night, or What You Will ที่คราวนี้ค่ายละครเวทีมือฉมังอย่าง ดรีมบอกซ์ นำมาแปลงเป็นเวอร์ชันไทย ในชื่อ ‘ราตรีที่สิบสอง หรือเอาที่สบายใจ’

     และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้เราอยากชวนคุณไปดู ‘ราตรีที่สิบสอง หรือเอาที่สบายใจ’

1. มันตลก

     เนื้อหาของ ‘ราตรีที่สิบสอง หรือเอาที่สบายใจ’ แบ่งเป็น 2 พล็อตใหญ่ๆ หนึ่งคือเรื่องราวความรักอันยุ่งเหยิงระหว่าง วิโอลา นางเอกที่ปลอมตัวเป็นชาย หลังจากประสบเหตุเรือแตกจนพลัดพรากกับพี่ชายฝาแฝด – เซบาสเตียน / ท่านชายออร์สิโน ที่ปกครองเมืองอิลลิเรียอยู่ / และท่านหญิงโอลิเวีย ที่ท่านชายแอบรักมาเนิ่นนาน ส่วนพล็อตรอง เป็นเรื่องราวการกลั่นแกล้งแดกดัน แซะกระจายกันของบรรดาข้ารับใช้และคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของท่านหญิงโอลิเวีย

2. คราคร่ำไปด้วยนักแสดงละครเวทีแถวหน้า

     แค่เห็นรายชื่อนักแสดงรุ่นเก๋าดาหน้ากันมาเล่นก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว แถมหลายคนเราก็ไม่ได้ดูพวกเขาเล่นละครเวทีมานาน ไม่ว่าจะเป็น ปู-กนกวรรณ บุรานนท์, นุ่น-ดารัณ ฐิตะกวิน (รุ้งทอง ร่วมทอง), ญาณี ตราโมท, ผัดไท-ดีใจ ดีดีดี, โหน่ง-วสันต์ อุตตมะโยธิน, เวนย์ ฟอลโคเนอร์, ก่อ กมลพัฒนะ ฯลฯ บวกกับนักแสดงรุ่นใหม่น่าจับตามองอย่าง เนสท์-นิศาชล สิ่วไธสง จาก AF9 และ โบกี้-จิตรคุปต์ สุนทรศิลป์ชัย

     แม้จะมีตัวละครเยอะขนาดนี้ แต่เรากลับมีปัญหาในการจดจำตัวละครแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น เพราะตัวละครแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและวายป่วงจนต้องจำได้ ทั้งเซอร์โทบี้ขี้เมา (ญาณี ตราโมท), มาเรีย หญิงรับใช้เจ้าแผนการ (ปู-กนกวรรณ), เซอร์แอนดรูว์ อัศวินโง่ (ก่อ กมลพัฒนะ) หรือ เฟสที ตัวตลกโง่ที่แย่งซีนทุกฉากที่ออกโรง (ผัดไท-ดีใจ)

3. นักแสดงโชว์ฝีมือกันเต็มพิกัด

     ด้วยบทพูดที่ยืดยาวยอกย้อนสละสลวยแบบละครเชกสเปียร์ ทำให้เราอดทึ่งไม่ได้ทุกครั้งที่นักแสดงถ่ายทอดบทกันอย่างไหลลื่น แถมยังเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบท มัลโวลิโอ พ่อบ้านเจ้าระเบียบ ที่ต้องพูดโมโนล็อกอยู่คนเดียวเป็นสิบนาที หรือตัวตลกเฟสที ที่ทั้งเต้น ทั้งร้องเพลง ทั้งพูดบท แถมยังต้องตลกอีกด้วย

4. ชุดและฉากแบบจัดเต็ม

     นอกจากจะจัดเต็มชุดแบบวิกตอเรียนแล้ว ฉากเวทียังเป็นอีกอย่างที่อดชมไม่ได้ เพราะทำมาแบบน้อยได้มาก แถมยังเปลี่ยนได้หลายแบบแม้จะมีชิ้นส่วนฉากใหญ่ๆ ไม่กี่ชิ้น แต่กลับแปลงเป็นได้ทั้งคฤหาสน์ ห้องโถง จัตุรัสเมือง สวนหย่อม ฯลฯ ใครชอบละครเวทีต้องดู แค่มาดูฉากเลื่อนไปๆ มาๆ ก็เพลินมากแล้ว

5. มันเหลือแค่ 3 รอบแล้ว

     ใช่แล้ว ละครชวนหัวรวมดาวเรื่องนี้เหลืออีกแค่ 3 รอบเท่านั้น คือวันที่ 23 กันยายน รอบ 14.00 / 19.30 น. และ วันที่ 24 กันยายน รอบ 14.00 น. ที่โรงละคร M Theatre เพชรบุรีตัดใหม่ เห็นมีคนบอกในเพจ DreamboxTheatre Bkk ว่าอายุนักแสดงรวมกันมากกว่ารอบการแสดงอีก ปัดโธ่ ไปดูกันเถอะ!