เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้ทำพรีวิวผลประกอบการ 1Q64 ของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 10 พฤษภาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 วันที่ผ่านมา ราคาหุ้น TU ปรับตัวลง 2.7%MoM สู่ระดับ 14.30 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวลง 1.7%MoM สู่ระดับ 1,541.12 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 12 เมษายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดยอดขาย 1Q64 ของ TU จะลดลง 1.5%YoY ซึ่งเกิดจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดขายในธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นฟื้นตัวดีขึ้น และยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหักล้างกับยอดขายที่ลดลงในธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป
ขณะที่อัตรากำไร 1Q64 จะเพิ่มขึ้น 80 bps YoY สู่ระดับ 17% โดยเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบทูน่าที่ลดลง แต่ลดลง 100 bps QoQ เพราะยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งที่อัตรากำไรต่ำเพิ่มขึ้น และยอดขายอาหารทะเลแปรรูปซึ่งให้อัตรากำไรสูงลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายใน 1Q64 จะเพิ่มขึ้น 80 bps YoY สู่ระดับ 12.1% ซึ่งเกิดจากต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก
สำหรับธุรกิจ Red Lobster ในเดือนมีนาคมมีจำนวนร้านอาหาร 96% ที่เปิดให้นั่งทานในร้าน ซึ่งมีการลดจำนวนที่นั่งลง 50% และร้านอาหาร 99% เปิดให้บริการแบบสั่งอาหารกลับบ้าน โดยใน 1Q64 SCBS คาดส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster ที่ 40 ล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุน 111 ล้านบาทใน 1Q63 เนื่องจากมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น เช่น ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายการตลาด และค่าเช่า และดีขึ้นจากขาดทุน 321 ล้านบาท ใน 4Q63
ทั้งนี้ SCBS คาดกำไรสุทธิ 1Q64 ของ TU ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%YoY แต่ลดลง 3%QoQ หากตัดรายการพิเศษจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 20 ล้านบาทออกไป กำไรปกติ 1Q64 จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 9%QoQ โดยกำไรปกติที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสะท้อนจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ Red Lobster และธุรกิจอาหารทะเลที่กลับสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้ใน 1Q64 TU จะกลับมามีสัดส่วนยอดขายและอัตรากำไรในระดับปกติเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี เนื่องจากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปซึ่งให้อัตรากำไรสูงลดลงจากฐานสูงปีก่อน เพราะการซื้ออย่างตื่นตระหนกในยุโรป และยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งที่ให้อัตรากำไรต่ำเพิ่มขึ้น เพราะอุตสาหกรรมอาหารในสหรัฐฯ และไทยที่ฟื้นตัวขึ้น
มุมมองระยะยาว:
สำหรับยอดขายทั้งปี 2564 ของ TU SCBS คาดว่าจะเติบโตในกรอบล่างของเป้าที่วางไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3-5%YoY เนื่องจากเงินบาทเทียบกับดอลลาร์แข็งค่ามากกว่าสมมติฐานเดิมของบริษัท โดยยอดขายในธุรกิจอาหารทะแช่แข็งจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากฐานต่ำของปีก่อน และยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะมีอัตราการเติบโตเป็นบวกเล็กน้อย
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 ประมาณ 17% (เทียบกับ 17.7% ในปี 2563) เพื่อสะท้อนยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งที่ให้อัตรากำไรต่ำเพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งขาดทุนของ Red Lobster จะลดลงราวครึ่งหนึ่ง YoY ซึ่งสอดคล้องกับการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมประชากรในสหรัฐฯ ได้ในวงกว้างมากขึ้น
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
