‘ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก 1,803 ล้านบาท โต 77% จากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ขณะที่ยอดขายคงที่อยู่ที่ระดับ 31,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งฟื้นตัว โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา และธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและได้รับผลดีจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU กล่าวว่า ในไตรมาสแรกปี 2564 ธุรกิจอาหารแช่แข็งฟื้นตัว โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 10.3% อยู่ที่ 12,076 ล้านบาท และทำผลงานได้ดีในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งภาคธุรกิจบริการอาหารมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจของไทยยูเนี่ยน
ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าคืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในไตรมาสแรก โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20.8% อยู่ที่ 5,469 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และถึงแม้ว่าธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องจะมียอดขายลดลง 13.1% อยู่ที่ 13,580 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ผู้บริโภคมีการจับจ่ายอาหารกระป๋องในช่วงเริ่มแรกของการแพร่ระบาด แต่ถ้าหากเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 จะเห็นได้ว่ายอดขายไตรมาสแรกของปีนี้ยังเพิ่มขึ้นถึง 0.9%
“สิ่งที่สำคัญที่ทำให้เราสามารถฟันฝ่าสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาได้คือความสามารถในการยืนหยัดและปรับตัว TU มี 15 แบรนด์ ฐานการผลิต 14 แห่ง สำนักงานอีก 10 แห่ง และทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นหัวใจสำคัญคือความสามารถที่จะปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่เพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่จะต้องสามารถเติบโตได้อีกด้วย”
TU ยังคงเดินหน้าธุรกิจด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของบริษัทในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้คน ควบคู่ไปกับการดูแลความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา TU ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกภายใต้แบรนด์ OMG Meat ในประเทศไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQTM BONE ผงแคลเซียมจากกระดูกปลาทูน่า
อีกทั้งยังได้จัดหาแหล่งเงินกู้ที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเป็นครั้งแรกทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเป็น Blue Finance หรือการบริหารการเงินที่เกี่ยวข้องกับโครงการอนุรักษ์มหาสมุทร
เมื่อต้นปี 2564 ได้ประกาศลงทุนในบริษัท บลูนาลู สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยงที่ได้รสชาติ เนื้อสัมผัส และมีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่าอาหารทะเล
“TU ตั้งเป้าหมายในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้คน ควบคู่ไปกับการดูแลความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล เราจึงให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และในขณะเดียวกับเราก็ยังดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คนรุ่นต่อไปยังมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ เราเชื่อว่านี่คือวิถีทางในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค คู่ค้า และทุกฝ่ายในห่วงโซ่อุปทาน และไทยยูเนี่ยนจะยังเดินหน้าธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล