Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ไต้หวัน ได้ฤกษ์เปิดโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ของตนเองในประเทศญี่ปุ่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานออกจากไต้หวัน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
โดยที่ผ่านมาในฐานะผู้ผลิตชิป OEM รายใหญ่ที่สุดของโลกที่มีลูกค้า เช่น Nvidia และ Apple ทาง TSMC ได้รับการทาบทามจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ให้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตในประเทศนั้นๆ หลังจากที่มีข่าวว่าบริษัทมีแผนเปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ นอกจากไต้หวัน เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดจากความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก
ทั้งนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญ รวมถึง Paul You ประธาน First Securities Investment Trust Corporation ต่างออกมาเตือนเมื่อไม่นานมานี้ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกรวมถึงไต้หวันอาจตกอยู่ในความเสี่ยงจากสงครามชิประหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความตึงเครียดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
รายงานระบุว่า โรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ของ TSMC ในญี่ปุ่น อยู่ที่เมืองคุมาโมโตะ มีพื้นที่ประมาณ 45,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ภายในสิ้นปี 2024 ภายใต้การกำกับดูแลของ Japan Advanced Semiconductor Manufacturing Inc. (JASM) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตที่มี TSMC เป็นหุ้นส่วนใหญ่
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา TSMC, Sony Semiconductor Solutions, ผู้ผลิตรถยนต์ Toyota และ Denso ได้ประกาศการลงทุนเพิ่มเติมใน JASM เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งที่ 2 โดยมีกำหนดการก่อสร้างภายในสิ้นปี และเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปี 2027 ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นมีโรงงานผลิตชิปถึง 2 แห่ง ที่คาดว่าจะช่วยสร้างงานระดับมืออาชีพด้านเทคโนโลยีขั้นสูงโดยตรงมากกว่า 3,400 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทุ่มเงินรวมกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในการร่วมลงทุนใน JASM ด้วย
รายงานระบุว่า โรงงาน 2 แห่งของ TSMC ในญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์สำหรับธุรกิจยานยนต์ ภาคอุตสาหกรรม การใช้งานของผู้บริโภค และเพื่อตอบสนองความต้องการที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง
นอกเหนือจากญี่ปุ่นแล้ว ทาง TSMC กำลังก่อสร้างโรงงานในสหรัฐฯ อีก 2 แห่งในรัฐแอริโซนา คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเป็นโรงงานที่ผลิตชิปเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ
อ้างอิง:
