ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์ในหลายประเทศแถบภูมิภาคลาตินอเมริกาดูท่าจะไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านสังคม ความตกต่ำทางด้านเศรษฐกิจ อัตราว่างงานสูง ปัญหาความรุนแรง รัฐบาลไม่สามารถจัดการและตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาได้ ส่งผลให้พลเมืองละตินเหล่านี้ตัดสินใจเดินทางอพยพออกนอกประเทศ มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่ ‘โอเอซิสขนาดใหญ่’ อย่างสหรัฐอเมริกา ด้วยความหวังที่ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น
กองคาราวานผู้อพยพนี้เริ่มทยอยเดินทางตั้งแต่เมือง San Pedro Sula ในฮอนดูรัส มุ่งหน้าสู่จุดรวมพลที่ 2 ที่เมือง Nueva Ocotepeque ที่อยู่ไม่ไกลจากพรมแดนเอลซัลวาดอร์ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ Guatemala City และขณะนี้กองคาราวานที่มีผู้อพยพเรือนหมื่นนี้ได้เดินทางถึงเมือง Tapachula ของเม็กซิโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังจะต้องเดินทางอีกกว่า 1,600 กิโลเมตร กว่าจะเดินทางถึงจุดที่ใกล้ที่สุดกับพรมแดนเมืองบราวน์สวิลล์ รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อประเด็นนี้ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว (@realDonaldTrump) ประณามการทำงานของรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่ปล่อยให้พลเมืองของตนเดินทางมุ่งหน้าเข้าประเทศอื่นอย่างผิดกฎหมาย โดยระบุว่า “กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ ไม่สามารถที่จะยับยั้งการเดินทางอพยพของพลเมืองประเทศตนได้ และกำลังจะมุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย ทางสหรัฐฯ จะเริ่มต้นยุติการส่งเงินช่วยเหลือหรือลดปริมาณลง หลังจากที่คอยสนับสนุนประเทศเหล่านี้มาโดยตลอด”
หน่วยงานด้านการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา กัวเตมาลาได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถึง 248 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8.1 พันล้านบาท) ในขณะที่ฮอนดูรัสได้รับ 175 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 5.7 พันล้านบาท) และเอลซัลวาดอร์ได้รับเงินกว่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.7 พันล้านบาท) การตัดสินใจตัดเงินช่วยเหลือของสหรัฐฯ อาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์ภายในประเทศต่างๆ เหล่านี้ยิ่งเลวร้ายลงมากยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
