โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศว่า สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้า 30% กับสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ พร้อมเตือนว่า หากทั้งสองประเทศตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสหรัฐฯ กลับ เขาจะปรับเพิ่มภาษีนำเข้าให้สูงขึ้นอีกจาก 30%
ก่อนหน้านี้ EU หวังว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ก่อนถึงเดดไลน์ 1 สิงหาคม หลังจากมีความพยายามเจรจาหารือระหว่างผู้แทนทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง โดย อัวร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า EU พร้อมเจรจาและจะปกป้องผลประโยชน์ของตน รวมถึงเตรียมมาตรการตอบโต้หากจำเป็น
เนื้อหาในจดหมายถึง EU ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ และ EU เจรจาการค้ากันมาหลายปี แต่ยังคงมีปัญหาขาดดุลการค้าระยะยาวที่เกิดจากนโยบายภาษีและอุปสรรคทางการค้าของ EU เขาเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-EU ที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะที่ ‘ไม่เป็นธรรมและไม่เท่าเทียม’
ในอดีต ทรัมป์เคยเสนอขึ้นภาษี 20% ต่อสินค้าจาก EU และขู่จะเพิ่มเป็น 50% หากการเจรจาไม่คืบหน้า โดยในปี 2024 สหรัฐฯ มีตัวเลขขาดดุลการค้ากับ EU อยู่ที่ 235.6 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ผู้นำชาติสมาชิกใน EU ต่างแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ของทรัมป์ เช่น เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง ขณะที่ จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี หวังว่าจะบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรม และไม่ต้องการให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสองฝั่งแอตแลนติก
ขณะที่จดหมายที่ส่งถึงเพื่อนบ้านของสหรัฐฯ อย่างเม็กซิโก ทรัมป์ระบุว่า เม็กซิโกยังดำเนินมาตรการที่ ‘ไม่เพียงพอ’ ในการหยุดปัญหายาเสพติดข้ามพรมแดน อย่างไรก็ตาม จดหมายของทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าสินค้าเม็กซิโกที่อยู่ภายใต้ข้อตกลง USMCA ปี 2020 จะได้รับยกเว้นจากภาษีใหม่หรือไม่ ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่าสินค้าจากแคนาดาจะได้รับการยกเว้นภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว
ด้าน คลอเดีย ไชน์บัมม์ แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถตกลงกับสหรัฐฯ ได้ โดยย้ำว่าความมั่นคงของประเทศไม่ใช่เรื่องที่ต่อรองได้
ในสัปดาห์เดียวกันนี้ ทรัมป์ยังประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น (25%), เกาหลีใต้ (25%), แคนาดา (35%) และบราซิล (50%) เริ่ม 1 สิงหาคมเช่นกัน และได้ส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังประเทศคู่ค้ารายย่อยอื่นๆ ด้วย
ภาพ: Joe Raedle / Getty Images
อ้างอิง:
