ทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาขู่จะเก็บภาษีสู่ระดับ 100% จากสินค้าของฝรั่งเศสมูลค่ารวม 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 7.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีทั้งไวน์ ชีส กระเป๋า เครื่องสำอาง และสินค้าส่งออกอื่นๆ ที่สำคัญ บรรดาหุ้นแบรนด์หรูฝรั่งเศษก็ขวัญอ่อนติดตัวแดงกันถ้วนหน้า
เครือ LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton และ Moët & Chandon หุ้นลดลง 2% เช่นเดียวกับ Christian Dior และเครือ Kering เจ้าของ Gucci และ Balenciaga ต่างอยู่ในภาวะที่ไม่ต่างกัน ขณะที่ Hermès ผู้ผลิตกระเป๋า Birkin อันโด่งดัง หุ้นทรุดลง 2.6% รวมๆ แล้ว 4 แบรนด์มีมูลค่าหายไป 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ราว 2.7 แสนล้านบาท
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทรัมป์ออกมาขู่เก็บภาษีเพิ่ม เป็นเพราะเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางการฝรั่งเศสตัดสินใจผ่านร่างกฎหมายเก็บ ‘ภาษีดิจิทัล’ (Digital Services Tax) ในอัตรา 3% จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เข้ามาทำธุรกิจในดินแดนน้ำหอม แน่นอนภาษีที่ว่านี้กระทบโดยตรงกับกลุ่มเทคโนโลยีอเมริกัน เช่น Apple, Google, Amazon และ Facebook โดยจะเก็บอย่างเป็นทางการช่วงต้นปีหน้า
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ฝรั่งเศสเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น สเปน อิตาลี และสหราชอาณาจักร ได้ออกมาประกาศแผนการเก็บภาษีรายได้ดิจิทัล โดยบอกว่าบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้หลีกเลี่ยงภาษีด้วยการสร้างบริษัทย่อยไว้ในประเทศอื่นๆ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- www.cnbc.com/2019/12/03/french-luxury-stocks-drop-as-trump-threatens-heavy-new-tariffs.html
- markets.businessinsider.com/news/stocks/trump-administration-proposes-new-tariffs-french-goods-big-tech-tax-2019-12-1028731609
- markets.businessinsider.com/news/stocks/french-luxury-stocks-drop-trump-threat-2-4-billion-tariffs-2019-12-1028732719