วันนี้ (22 กรกฎาคม) ที่พรรคภูมิใจไทย เวลา 16.00 น. แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรคภูมิใจไทย และ สส. จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย ภราดร ปริศนานันทกุล สส. จังหวัดอ่างทอง ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และ สส. จังหวัดบุรีรัมย์ และ ชลัฐ รัชกิจประการ แถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรคภูมิใจไทย
ชลัฐ รัชกิจประการ ได้กล่าวถึงประเด็นการยื่นกระทู้สดถามถึง พิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสัปดาห์ที่แล้ว ถึงเรื่องข้อแลกเปลี่ยนทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา หรือ ภาษีทรัมป์
ชลัฐ รัชกิจประการ ได้กล่าวว่า ตนทราบว่า พิชัย ติดภารกิจจึงไม่ได้มาตอบ แต่ทราบว่าตอนเย็นมีการเจรจาติดต่อกับรัฐบาล สิ่งที่ตนเรียกร้องไม่ได้เป็นอะไรที่ใหญ่โตเลย ตนมีความกังวลต่อประชาชนและผู้ประกอบการที่ยังไม่มีทิศทางในการรับมือ รวมถึงการที่ พิชัย ได้ปรึกษาหารือหรือต่อรองในกลางคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนและประชาชนว่า ประเทศไทยควรรับมืออย่างไร และรัฐบาลจะเยียวยาอย่างไร
ภราดร ปริศนานันทกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคภูมิใจไทยมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์นี้ ตอนนี้คนไทยเหมือนถูกปิดหูปิดตา เพราะไม่รู้อะไรเลยว่ารัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการอย่างไร ผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 8 วันข้างหน้า หรือในวันที่ 1 สิงหาคม เกมภาษีที่ตั้งเอาไว้ 36% กำลังจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ สิ่งที่พวกตนเป็นกังวลคือ หากมีการเจรจาลดเพดานภาษีลงได้สำเร็จ ให้เหลือเท่าไหร่ก็ตามแต่ ก็อาจจะได้ผลดี และเป็นสิ่งที่ผู้ส่งออกของไทยเฝ้ารออยู่ แต่รัฐบาลได้เอาเลือดเนื้อ ผลประโยชน์ หรือเงื่อนไขใดๆ ไปเจรจาต่อรอง หรือเสนอในการลดภาษีกับสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ในภาคการเกษตร หากประเทศไทยจะลดเพดานภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรให้เหลือศูนย์ทั้งหมด ซึ่งกระทบกับชาวเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้านการปศุสัตว์หรือสินค้าเกษตรด้านอื่น รัฐบาลเอาอะไรไปเจรจา
แม้กระทั่งตามข่าวที่เคยปรากฏว่าขอแลกอธิปไตยบางส่วนในการลดเพดานภาษีนั้น ภราดรกล่าวว่า เชื่อว่าสังคมไทยรับไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมให้รับรู้รับทราบ เพื่อเตรียมตัวในการรับมือ
ในการประชุมพรรคในวันนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับสมาชิกพรรคฝ่ายค้านในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ว่า พรรคภูมิใจไทยมีมติที่จะยื่นญัตติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 คือขอให้ทางรัฐสภาได้เปิดเวทีให้ได้ซักถามแนวทางการแก้ไขแบบใดและแนวทางการเจรจากับสหรัฐฯ แบบใด และใครที่จะได้รับผลกระทบต่อการเจรจาบ้าง
พรรคภูมิใจไทยมีมติร่วมกันคือ ใช้เสียง 1 ใน 4 คือประมาณ 50 คนเพื่อยื่นญัตติตามมาตรา 152 และนำเสนอกับสมาชิกฝ่ายค้านพรรคอื่นๆ เพื่อหารือร่วมกันว่าจะมีพรรคใดเสนอร่วมกันหรือไม่ โดยจะพยายามยื่นให้เร็วที่สุด พร้อมกล่าวว่าเรื่องนี้รอช้าไม่ได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีต่อประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะทันภายในวันที่ 1 สิงหาคมหรือไม่ ภราดรกล่าวว่า เรื่องนี้ตนตอบไม่ได้ เพราะทำได้แค่ยื่นญัตติตามรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรที่ตรวจสอบรายชื่อและยื่นต่อคณะรัฐมนตรี หากมีความเห็นว่าสำคัญและจำเป็นก็ต้องรีบตอบรับและแล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 สิงหาคมที่จะถึงนี้
แนน บุณย์ธิดา กล่าวเสริมว่า ในกลไกของรัฐสภาคือการทำหน้าที่ของทางคณะรัฐมนตรีและทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ถึงมาตรการทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทย แต่ส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทยทุกภาคอาชีพ ในหลายๆ ประเทศทั้งในภูมิภาคอาเซียน เช่น ผู้นำสิงคโปร์ก็ออกมาเตือนต่อประชาชนว่าต้องมีการรับมืออย่างไร รวมถึงคณะผู้เจรจาจากมาเลเซียก็ออกมาประกาศให้ประชาชนในประเทศได้ทราบว่าข้อไหนที่รับได้ ข้อไหนรับไม่ได้ และข้อไหนเจรจากันได้ ซึ่งเป็นความโปร่งใสในการเจรจา ถึงแม้ว่าเนื้อหาอาจจะเปิดเผยไม่ได้ทั้งหมด แต่ต้องมีการบอกเล่าแก่ประชาชนในการเตรียมตัวในอนาคตเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคนในประเทศ
