โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอเมริกาสั่งเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตามแผนเดิม 25% หลังระงับคำสั่งดังกล่าวนาน 30 วัน และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% (รวมกับครั้งแรกเป็น 20%) โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้
รัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่า มาตรการขึ้นภาษีดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่แคนาดา เม็กซิโกและจีน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและลักลอบค้ายาเสพติดในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ สหรัฐฯ จึงเพิ่มมาตรการกดดันให้ทั้งสามประเทศดำเนินมาตรการที่เข้มงวดแล้วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ผู้นำทั้งสามประเทศประกาศเตรียมมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า สงครามภาษีของทรัมป์จะกระทบต่อเสถียรภาพการค้าโลก
ทรัมป์ระบุว่า ขณะนี้ไม่มีพื้นที่ว่างเหลือให้กับแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว สิ่งที่พวกเขาจะต้องทำคือ สร้างโรงงานผลิตรถยนต์และสินค้าอื่นๆ ในสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้สินค้าเหล่านั้นไม่โดนเก็บภาษีสินค้านำเข้า
ผู้เชี่ยวชาญประกาศเตือนว่า พลเมืองอเมริกันก็จะได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ด้วยเช่นเดียวกัน สินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิด เช่น เมเปิ้ลไซรัป น้ำมันเชื้อเพลิง อะโวคาโด จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนอย่างมาก หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีอีกครั้ง ซึ่งทั้งสามประเทศล้วนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ โดยรัฐบาลทรัมป์ยังคงเชื่อมั่นในนโยบายขึ้นภาษีศุลกากร และมองว่าเป็นแนวทางสำคัญในการกระตุ้นการผลิตในประเทศและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
ภาพ: Leah Millis / File Photo / Reuters
อ้างอิง: