ทรัมป์ลงนามประกาศห้ามรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสค่าย Kaspersky จากรัสเซียเด็ดขาด!

ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือเป็นการแก้ปัญหาอย่างรอบคอบและเหมาะสม เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามออกกฎห้ามรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสค่าย Kaspersky จากรัสเซียเป็นอันขาด

เมื่อวันอังคารที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อแก้ปัญหาการถูกภัยไซเบอร์คุกคามด้วยการลงนามออกกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร สั่งห้ามมิให้รัฐบาลกลางในประเทศใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและซอฟต์แวร์อื่นๆ จากบริษัท Kaspersky เป็นอันขาด เนื่องจาก Kaspersky เป็นบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จากประเทศรัสเซีย

เดิมทีสหรัฐอเมริกามีความพยายามในการห้ามใช้โปรแกรมต้านไวรัสจากรัสเซียมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ประกาศให้หน่วยงานในสังกัดทุกแห่งถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ Kaspersky ภายในระยะเวลา 90 วัน ก่อนที่กฎหมายฉบับนี้จะบรรลุผลอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม

จีน ชาฮีน (Jeanne Shaheen) วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา พรรคเดโมแครต ให้ความเห็นผ่านเว็บไซต์ของเธอว่า “เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงร้ายแรงที่ Kaspersky Lab อาจก่อให้เกิดขึ้นกับประเทศของพวกเรา ทางการจึงจำเป็นที่ต้องออกคำสั่งให้ลบซอฟต์แวร์ Kaspersky ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์รัฐบาลให้หมดทุกตัว

“กรณีการต่อต้านการใช้งานผลิตภัณฑ์จาก Kaspersky นั้นมีข้อสนับสนุนเป็นอย่างดีและมีความกังวลที่เกิดขึ้นเรื้อรัง ซึ่งกฎหมายนี้ได้ถูกร่างไว้นานแล้ว ฉันชื่นชมในการเร่งดำเนินการของเพื่อนร่วมพรรคทุกคนในการผลักไสให้ภัยคุกคามนี้หลุดไปจากระบบรัฐบาล และต่อจากนี้ฉันจะยังคงผลักดันเสริมมาตรการความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ และปกป้องประชาธิปไตยของเราจากการแทรกแซงของประเทศอื่นต่อไป”

ฝั่ง Kaspersky ที่ดำเนินธุรกิจซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์โดยตรงก็ไม่ยอมตกเป็นเป้าถูกกล่าวหาเสียๆ หายๆ เช่นกัน โดยออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงปกป้องลูกค้าของพวกเขาจากภัยคุกคามไซเบอร์ต่อไป ผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านไอทีทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์

นอกจากนี้ Kaspersky ก็ประกาศชัดมาโดยตลอดว่าไม่เคยให้ความร่วมมือหรือกระทำการที่เข้าข่ายการละเมิดจริยธรรมร่วมกับรัฐบาลในหลายๆ ประเทศ รวมถึงรัสเซีย เพื่อเปิดช่องโหว่ในการโจมตีผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ทั่วโลก

อ้างอิง: