ประธานาธิบดี Donald Trump แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศนโยบาย ‘เอาจริง’ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมอีกเท่าตัว จากเดิม 25% เป็น 50% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันพุธที่จะถึงนี้ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการเพิ่มแรงกดดันอย่างหนักต่อผู้ผลิตเหล็กทั่วโลก และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้สงครามการค้าที่คุกรุ่นอยู่แล้วยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกขั้น
Trump ประกาศข่าวนี้ระหว่างการปราศรัยที่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐฯ โดยเขาย้ำว่า “เราจะขึ้นภาษีอีก 25% ทำให้จาก 25% เป็น 50% สำหรับเหล็กที่เข้ามาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วย ‘ปกป้องอุตสาหกรรม’ เหล็กในประเทศของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น”
เขายังเชื่อมโยงมาตรการนี้เข้ากับข้อตกลงมูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่าง Nippon Steel ของญี่ปุ่น และ U.S. Steel ว่าจะช่วยรักษาตำแหน่งงานให้คนงานเหล็กในสหรัฐฯ พร้อมประกาศข่าวดีว่าคนงานเหล็กทุกคนใน U.S. Steel จะได้รับโบนัสพิเศษคนละ 5 พันดอลลาร์ในเร็วๆ นี้
ปฏิกิริยาจากนานาชาติ ‘ดุเดือด’
สภาหอการค้าแคนาดาออกแถลงการณ์ประณามการขึ้นภาษีนี้ทันที โดย Candace Laing ประธานสภาฯ ระบุว่า “การทำลายระบบการค้าข้ามชายแดนที่ดำเนินการมาอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพในธุรกิจเหล็กและอะลูมิเนียม จะส่งผลเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ”
ด้านรัฐบาลออสเตรเลียก็ออกมาประณามเช่นกัน โดย Don Farrell รัฐมนตรีการค้า กล่าวว่าการกระทำนี้ไม่มีเหตุผลอันควรและไม่ใช่การกระทำของมิตร และ”เป็นการทำร้ายเศรษฐกิจตัวเอง และจะส่งผลเสียต่อทั้งผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาการค้าที่เป็นธรรม”
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาถือเป็นผู้นำเข้าเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก (ไม่รวมสหภาพยุโรป) โดยในปี 2024 มีการนำเข้าเหล็กถึง 26.2 ล้านตัน ดังนั้นการขึ้นภาษีครั้งใหม่นี้มีแนวโน้มที่จะทำให้ราคาเหล็กในตลาดโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและผู้บริโภคในวงกว้าง
ข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ระบุว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าใน 289 ประเภทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมในปี 2024 สูงถึง 1.473 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบสองในสามเป็นอะลูมิเนียม และหนึ่งในสามเป็นเหล็ก
ทางด้าน JoJo Burgess สมาชิกสหภาพแรงงาน United Steelworkers ซึ่งเข้าร่วมฟังการปราศรัยของ Trump กลับแสดงความเห็นในเชิงบวก โดยหวังว่าข้อตกลงกับ Nippon Steel จะช่วย ‘ปูทางความเสมอภาค’ ให้กับอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกาและสร้างคนงานเหล็กรุ่นใหม่ในพื้นที่
การขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการภายใต้อำนาจตามมาตรา 232 ด้านความมั่นคงแห่งชาติ ครอบคลุมทั้งโลหะดิบและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องหลากหลายประเภท ตั้งแต่อ่างล้างจานสเตนเลสไปจนถึงบานพับประตูเหล็ก
ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images
อ้างอิง: