เกิดอะไรขึ้น?
มิถุนายน เดือนแห่งความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลในวงการเทคโนโลยี พลังงาน และอวกาศ รอยร้าวนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากมัสก์ออกมาวิจารณ์ร่างกฎหมาย “One Big Beautiful Bill” ที่ทรัมป์ผลักดัน มัสก์บอกว่าเป็น “disgusting abomination” หรือ “ความอัปลักษณ์ที่น่ารังเกียจ”
“One Big Beautiful Bill” เป็นชื่อเล่นที่ทรัมป์ใช้เรียกร่างกฎหมายงบประมาณฉบับเรือธงปี 2025 ซึ่งรวมมาตรการลดภาษี การตัดงบสวัสดิการ และการปรับลดสิทธิประโยชน์ด้านพลังงานสะอาด โดยเฉพาะเครดิตภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV — จุดนี้เองที่อีลอน มัสก์มองว่าเป็นการทำลายแรงจูงใจในการลงทุนเทคโนโลยีเพื่ออนาคต
มัสก์ให้เหตุผลว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเพิ่มภาระหนี้สาธารณะอย่างมหาศาล และตัดลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งกระทบโดยตรงต่อ Tesla บริษัทภายใต้การบริหารของเขา
ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม X มัสก์ถึงกับกล่าวว่า หากไม่มีการสนับสนุนจากเขาในการเลือกตั้งปี 2024 ทรัมป์ “คงไม่มีทางชนะ” และเรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯ “พิจารณาถอดถอน” ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ทรัมป์ตอบกลับอย่างดุเดือด
ทรัมป์โต้กลับทันทีผ่าน Truth Social โดยระบุว่ามัสก์เป็น “คนอกตัญญู” และกล่าวหาว่าเหตุผลที่มัสก์ออกมาต่อต้านร่างกฎหมาย ก็เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลจะตัดงบสนับสนุนอุตสาหกรรม EV ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจของเขาโดยตรง
ทรัมป์ยังขู่ว่าอาจพิจารณายกเลิกสัญญารัฐบาลกับ SpaceX และ Starlink ซึ่งเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในโครงการของรัฐบาลกลาง ทั้งด้านการสื่อสารและการสำรวจอวกาศ พร้อมเปิดเผยว่า มัสก์เคยพยายามผลักดันให้ จาเร็ด ไอแซกแมน (Jared Isaacman) ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ NASA แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
เมื่อข้อกล่าวหา “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” ถูกโยงเข้ามา
เรื่องราวยิ่งซับซ้อนและรุนแรง เมื่อมัสก์โพสต์อีกครั้งในเชิงกล่าวหาว่า ทรัมป์ “มีชื่ออยู่ในเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน” — ผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กระดับนานาชาติ
แม้มัสก์จะไม่ได้นำหลักฐานใดๆ มายืนยันข้อกล่าวหา ทว่าข้อความดังกล่าวได้จุดกระแสในสื่อและโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเด็นที่สังคมอเมริกันมีความอ่อนไหวสูงต่อเรื่องเพศและความยุติธรรม
ทรัมป์ไม่ตอบโต้ในประเด็นนี้โดยตรง แต่ยังคงย้ำว่า เขาผิดหวังที่มัสก์วิจารณ์ร่างกฎหมายของตัวเขาเอง พร้อมกล่าวหาอีกครั้งว่าทุกอย่างเกิดจาก “ผลประโยชน์ส่วนตัวของมัสก์ที่ถูกกระทบ”
แล้วผลกระทบคืออะไร?
ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงดราม่าส่วนตัว แต่ส่งแรงสั่นสะเทือนระดับนโยบาย เศรษฐกิจ และการเมืองของสหรัฐฯ
- ความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย
คำวิจารณ์ของมัสก์ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึงร่าง “One Big Beautiful Bill” โดยเฉพาะประเด็นการตัดสิทธิประโยชน์ด้านพลังงานสะอาด ซึ่งอาจทำให้การลงทุนใน EV ลดลง
The Wall Street Journal รายงานว่า นักลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มกังวลต่อแนวทางลดเครดิตภาษี ซึ่งอาจกระทบการจ้างงานในรัฐ key states เช่น มิชิแกนและแคลิฟอร์เนีย
ส่วน Reuters อ้างแหล่งข่าวในสภาคองเกรสว่า พรรครีพับลิกันสายกลางบางส่วนเริ่มลังเลที่จะสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้หลังเกิดความขัดแย้งกับมัสก์
- การเปลี่ยนแปลงพันธมิตรทางการเมือง
มัสก์เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการเลือกตั้งปี 2024 แต่หลังจากแตกหักกับทรัมป์ เขาถูกจับตามองว่าอาจสนับสนุนผู้สมัครอิสระ หรือผู้มีนโยบายโปร-สิ่งแวดล้อมในปี 2026–2028
และท่าทีนักการเมืองจากหลายฝั่ง เริ่มพยายามสร้างสัมพันธ์กับมัสก์ เพื่อเข้าถึงทรัพยากร เทคโนโลยี และเงินทุน
Politico วิเคราะห์ว่า ความเคลื่อนไหวของมัสก์อาจดึงดูดพรรคเดโมแครตสายเทคโนโลยีหรือผู้สมัครอิสระที่มีแนวทางโปรสิ่งแวดล้อม
ส่วนบทวิเคราะห์จาก Brookings Institution ระบุว่ามัสก์กำลังกลายเป็น “Kingmaker” คนใหม่ในพรรคสายกลาง ที่ใช้เทคโนโลยีและเงินทุนกดดันนโยบายของฝ่ายขวา
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจและตลาด
หากรัฐบาลทรัมป์ตัดสัญญากับ SpaceX และ Starlink จริง อาจกระทบต่อโครงการรัฐจำนวนมาก เช่น การสื่อสารผ่านดาวเทียม และโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล
ในตลาดการเงิน นักลงทุนเริ่มจับตาความเสี่ยงของบริษัทที่พึ่งพาสัญญารัฐบาลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหุ้นและเสถียรภาพของตลาดในระยะสั้น
CNBC รายงานว่า หุ้นของ Tesla และ SpaceX-linked funds มีความผันผวนหลังข่าวว่ารัฐบาลอาจทบทวนสัญญาบางส่วน
ส่วน Financial Times วิเคราะห์ว่าความสัมพันธ์ที่เสียหายระหว่าง มัสก์ กับ ทรัมป์ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นสถาบันต่อการเติบโตในธุรกิจอวกาศลดลงชั่วคราว
- ผลต่อการเลือกตั้งในอนาคต
ฐานเสียงของทรัมป์และมัสก์มีอิทธิพลสูง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ การแตกหักอาจนำไปสู่การลดการระดมทุน หรือเกิดการแบ่งฐานเสียงในฝั่งอนุรักษนิยม
The New York Times วิเคราะห์ว่าความขัดแย้งนี้อาจทำให้พรรครีพับลิกันต้องเผชิญแรงสั่นสะเทือนภายใน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริจาคระดับสูงที่ไม่ต้องการมีภาพลักษณ์เชื่อมโยงกับเรื่องอื้อฉาว
ขณะที่ The Atlantic ชี้ว่าการโยงชื่อของทรัมป์กับเอกสารเอปสตีน แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่เพียงพอที่จะเปลี่ยนกระแสข่าวช่วงก่อนเลือกตั้งมิดเทอมปี 2026
ความขัดแย้งระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ ไม่ใช่แค่การโต้แย้งเชิงนโยบายหรืออารมณ์ส่วนตัว แต่เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนสมดุลอำนาจระหว่าง ผู้นำทางการเมือง กับ ผู้นำเทคโนโลยี ในยุคที่การเมืองถูกโยงเข้ากับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แถมยังมีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สุดท้ายแล้ว ทั้งทรัมป์และมัสก์ จะกลับมาดีกันได้หรือไม่ ร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill ของทรัมป์ จะผ่านสภาหรือถูกชะลอจากแรงต้านในภาคธุรกิจ? หรือตัวมัสก์จะหันมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว ไม่มีใครทราบได้ คงต้องรอดูต่อไป
อ้างอิง:
- https://www.politico.com/news/2025/06/05/trump-musk-fight-online-00390885
- https://www.politico.com/news/2025/06/04/trump-musk-megabill-attacks-00386691
- https://www.ft.com/content/a14f5e7d-4d54-47b3-ab6b-da0487eef93c
- https://www.reuters.com/business/autos-transportation/trump-musk-feud-escalates-over-tax-bill-tesla-djt-shares-tumble-2025-06-05/
- https://www.reuters.com/business/autos-transportation/disgusting-abomination-crazy-trump-musk-social-media-brawl-2025-06-05/
- https://www.cnbc.com/2025/06/06/a-timeline-of-donald-trump-and-elon-musks-relationship.html