ทำเนียบขาวแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกปากเชิญประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียให้มาเยือนสหรัฐฯ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบเครมลินของรัสเซียยังไม่ยืนยันว่าได้ตอบรับคำเชิญเพื่อจัดซัมมิตครั้งที่ 2 ระหว่างทรัมป์และปูตินหรือไม่
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่าการพูดคุยเกี่ยวกับการเยือนของปูตินยังคงดำเนินอยู่ หลังทรัมป์ยกย่องซัมมิตที่กรุงเฮลซิงกิว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และเขาต้องการจะจัดการประชุมกับปูตินครั้งถัดไป
ด้าน แดน โคตส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ แสดงความเห็นหลังทราบข่าวในที่ประชุมความมั่นคง Aspen Security Forum ในรัฐโคโลราโดว่านี่จะเป็นเรื่องที่พิเศษมาก เพราะไม่มีใครทราบรายละเอียดว่าทรัมป์กับปูตินคุยอะไรกันบ้างในซัมมิตรอบแรก มีเพียงล่ามฝ่ายละ 1 คนในห้องประชุมเท่านั้นที่รู้
ซัมมิตที่ประเทศฟินแลนด์ทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีอย่างหนักแม้แต่จากคนในพรรครีพับลิกันของเขาเอง เนื่องจากทรัมป์ได้แสดงท่าทีปฏิเสธผลการประเมินของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ ที่ระบุว่ารัสเซียพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 เพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต
นอกจากนี้ทรัมป์ยังตอบคำถามคลุมเครือเกี่ยวกับแนวโน้มที่รัสเซียจะแทรกแซงการเลือกตั้งอีกในอนาคต พร้อมแสดงความเห็นในเชิงว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ปูตินพูด ซึ่งทำให้สื่อในประเทศวิจารณ์ว่าทรัมป์เข้าข้างปูตินอย่างออกนอกหน้า และเชื่อคำพูดปูตินมากกว่ารายงานของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ
ล่าสุดนิตยสาร Time ได้จัดทำปกรูปใบหน้าของทรัมป์และปูตินซ้อนกันในคนคนเดียว พร้อมข้อความว่า ‘วิกฤตซัมมิต’ ซึ่งภายในเล่มมีบทความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทรัมป์กับปูติน โดยจะวางแผงในวันที่ 30 กรกฎาคม 2018
ไบรอัน เบนเนตต์ นักข่าว Time ประจำทำเนียบขาว ระบุว่าทรัมป์ได้สร้างความสับสนขึ้นจากการออกโรงปกป้องรัสเซีย ซึ่งนั่นอาจต้องแลกมาด้วยความเชื่อใจจากบรรดาประเทศพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และองค์กรข่าวกรองของสหรัฐฯ
อ้างอิง:
