ค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาเผย จากนี้สินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะเบียร์ รถยนต์ และผลไม้ ที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะแพงขึ้นอีก หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ใช้ยาแรงขึ้นภาษีสินค้าสูงลิ่ว
หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ นโยบายที่หลายคนให้ความสนใจคือการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ล่าสุดเตรียมบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศเม็กซิโกและแคนาดาสูงสุดถึง 25% ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ส่วนจีนและประเทศอื่นชะลอเอาไว้ก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือสงครามการค้าระหว่างประเทศที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ การขึ้นภาษีกับเม็กซิโกและแคนาดาจะทำให้ราคาสินค้าหมวดรองเท้า เสื้อผ้า ของเล่น รถยนต์ เบียร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่วางจำหน่ายในร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ แพงขึ้น เนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีฐานผลิตอยู่ในจีน เม็กซิโก และแคนาดา
สมาคมการค้าปลีกแห่งชาติระบุว่า ภาษีนำเข้าเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงไม่ได้ และฝั่งค้าปลีกต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น ก็ต้องวางแผนแล้วว่าจะเลือกรับภาระเอาไว้เองหรือจะผลักภาระไปที่ผู้บริโภคด้วยการขึ้นราคาสินค้า โดยสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการขึ้นราคาสินค้า เพราะการทำธุรกิจก็ต้องการผลกำไร สุดท้ายแล้วผู้บริโภคในสหรัฐฯ ก็จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
สอดคล้องกับผลสำรวจของ Morning Consult ที่เก็บข้อมูลจากชาวอเมริกันกว่า 4,400 คนในช่วงต้นเดือนธันวาคม พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 67% เชื่อว่าบริษัทต่างๆ จะผลักภาระต้นทุนภาษีให้ผู้บริโภคแน่นอน จากนั้นค่าครองชีพก็จะเพิ่มขึ้น
ด้าน อาลี เฟอร์แมน ผู้เชี่ยวชาญในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า ภาษีนำเข้ากลายเป็นประเด็นที่บริษัทต่างๆ พูดถึงมากที่สุด และมองว่าผลกระทบจากภาษีอาจแตกต่างจากช่วงที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก เนื่องจากนโยบายใหม่ครอบคลุมมากกว่าเดิม และเกิดขึ้นในช่วงที่ธุรกิจค้าปลีกต้องดิ้นรนหารายได้ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่เป็นตัวแปรให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย ดังนั้นก่อนที่สินค้าจะขึ้นราคาต้องคิดให้ดีก่อน
ศ.เบรตต์ เฮาส์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Columbia Business School กล่าวว่า สินค้าทุกกลุ่มอาจมีราคาสูงขึ้นตามนโยบายภาษี เพราะปัจจุบันการนำเข้าปิโตรเลียมของสหรัฐฯ กว่า 50% มาจากแคนาดา เมื่อทรัมป์เก็บภาษีสูงลิ่วขนาดนี้ จะทำให้ทุกอย่างในสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้น
เมื่อเจาะลึกถึงผลกระทบของสินค้า หากขึ้นภาษีนำเข้าเริ่มจากจีนก็จะเป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ปัจจุบันจีนเป็นผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ในปี 2023 สหรัฐฯ นำเข้าเฟอร์นิเจอร์มูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสัดส่วน 29% ของจำนวนนี้มาจากจีน
ชานนอน วิลเลียมส์ ประธานสมาคมเฟอร์นิเจอร์ กล่าวว่า ธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าภายในบ้านไม่สามารถรับมือกับการขึ้นภาษีนำเข้าได้ และหากมีผลบังคับใช้กฎก็อาจต้องย้ายห่วงโซ่อุปทานไปยังเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้ผลิตหลายรายย้ายไปในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ต้องยอมรับว่าผลกระทบไม่ได้มีแค่ภาษีอย่างเดียว แต่สินค้าภายในบ้านยังเจอปัญหาอัตราดอกเบี้ยสูงท่ามกลางตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว พอมีต้นทุนภาษีมาซ้ำเติมก็ยิ่งกระทบธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มากขึ้นไปอีก
เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มของเล่น โดยสินค้าของเล่นที่จำหน่ายในสหรัฐฯ นำเข้าจากจีน 80% และหากประกาศขึ้นภาษีจะทำให้ราคาของเล่นเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 56% ยกตัวอย่างตุ๊กตาบาร์บี้จากที่เคยขายราคา 20 ดอลลาร์ จะขยับขึ้นเป็น 31 ดอลลาร์ รวมไปถึงกลุ่มรองเท้า โดยในปี 2023 สหรัฐฯ นำเข้ารองเท้าจากจีนประมาณ 37%
ขณะที่ผลกระทบหลังขึ้นภาษีนำเข้าเม็กซิโกและแคนาดาจะทำให้รถยนต์ เบียร์ และอะโวคาโด มีราคาแพงขึ้น เนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ชื่นชอบอะโวคาโดและเบียร์ที่ผลิตจากเม็กซิโกมากขึ้น และยังนิยมซื้อรถยนต์ที่ผลิตจากเม็กซิโก ที่ผ่านมาแบรนด์รถยนต์ในสหรัฐฯ จะไปตั้งโรงงานอย่างน้อย 1 แห่งในเม็กซิโก และเป็นฐานผลิตที่สร้างยอดมากกว่า 70% ของยอดขายในสหรัฐฯ ในปี 2024
วอลส์ ฟาร์โก ประมาณการว่า การเก็บภาษี 25% จากการนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา จะทำให้รายได้ของ General Motors, Ford Motor และ Stellantis เสี่ยงได้รับผลกระทบเช่นกัน
ภาพ: Oxana A / Shutterstock
อ้างอิง: