คำมั่นสัญญาของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะรีบสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วให้กับชาวอเมริกันกำลังเผชิญแรงกดดันหนัก เมื่อข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนถึงโอกาสของพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งในปีหน้า
จนถึงตอนนี้ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ยังสามารถอ้างได้ว่ามาตรการสำคัญที่นำมาใช้ ตั้งแต่การเก็บภาษีนำเข้าไปจนถึงการคุมเข้มการเข้าเมือง เพื่อสร้างระบบการจ้างงานให้แข็งแกร่ง
แต่ตัวเลขล่าสุดของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) แสดงให้เห็นว่า การเติบโตของการจ้างงานเริ่มชะลอตัวอย่างชัดเจน ในเดือนสิงหาคม นายจ้างในสหรัฐฯ สร้างงานเพียง 22,000 ตำแหน่ง ซึ่งทำลายความมั่นใจว่าภายใต้การบริหารของทรัมป์ เศรษฐกิจจะยังคงแข็งแรงเหมือนเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘เบสเซ็นต์’ มั่นใจศาลสูงสุดจะพิพากษา สนับสนุน ‘ภาษีทรัมป์’ พร้อมเผยมีแผนสำรองหากคำตัดสินไม่เป็นใจ
- อ่านเกม ‘ภาษีทรัมป์’ หลังอุทธรณ์สหรัฐฯ ชี้ ใช้อำนาจเกินขอบเขต จุดจบคืออะไร
- ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ชี้ ‘นโยบายกำแพงภาษี’ ของทรัมป์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ระบุใช้อำนาจเกินขอบเขต เตรียมสู้กันต่อในศาลฎีกา
โอไมร์ ชาริฟ นักวิเคราะห์จาก Inflation Insights ชี้ให้เห็นว่า ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า และความไม่แน่นอนด้านนโยบายโดยรวม กำลังทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการจ้างงาน และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการปรับนโยบายการจ้างงานในเร็วๆ นี้หรือไม่
อีกทั้งตัวเลขล่าสุด ยังกลายเป็นข้ออ้างใหม่ให้พรรคเดโมแครต ยืนยันว่า นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์อาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดี โดย แม็กกี้ แฮสซัน วุฒิสมาชิกจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ และสมาชิกเดโมแครตอาวุโสในคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ธุรกิจต่างๆ ชะลอการลงทุนและการจ้างงาน สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากการเก็บภาษีนำเข้าที่ไม่รอบคอบของทรัมป์
ด้าน รอน ไวเดน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตจากรัฐโอเรกอน แสดงความเห็นต่อไปว่า ทรัมป์ควรพิจารณาการไล่ สก็อต เบสเซ็นต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ ฮาวเวิร์ด ลัทนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ทั้งสองคนนี้จะนำพาเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยไปมากกว่านี้
หากย้อนไปก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งเดือน ทรัมป์ ได้ตอบสนองต่อสัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงานด้วยการปลดผู้ว่าการสำนักงานสถิติแรงงานออก และเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายครั้งถัดไป พร้อมยังคงยืนยันว่าเศรษฐกิจจะสดใสขึ้น
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทรัมป์ยังบ่นว่าอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป และอ้างว่าข้อมูลเศรษฐกิจมักถูกปรับแก้หลายครั้ง ซึ่งมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกรวมเข้าไป
หลังจากนั้น เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันว่า ตัวเลขการจ้างงานล่าสุดค่อนข้างน่าผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการผลิตและการลงทุน โดยตัวเลขเหล่านี้คาดว่าจะถูกปรับปรุงขึ้นในภายหลัง พร้อมย้ำว่าเศรษฐกิจยังแข็งแรงและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ สหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วงของการใช้จ่ายและลงทุน
อย่างไรก็ตาม หลักฐานเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่ซบเซากำลังสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงาน blue-collar ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทรัมป์เคยสัญญาว่าจะฟื้นฟูให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่กลับได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นตัวการให้หลายบริษัทชะลอการจ้างงาน
ยิ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีการปลดพนักงานรวม 25,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาคค้าส่งปลดพนักงานไปกว่า 12,000 ตำแหน่ง
เมื่อมาดูที่ผลสำรวจค่าเฉลี่ยจาก RealClearPolitics.com พบว่า ชาวอเมริกัน 42.2% เห็นด้วยกับการบริหารเศรษฐกิจของทรัมป์ ขณะที่ 54.1% ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นช่องว่างที่ค่อนข้างกว้าง แม้ว่าชื่อของทรัมป์จะไม่ได้อยู่ในบัตรเลือกตั้งกลางปีหน้า แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส เสี่ยงทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่โกรธเคืองจากประเด็นตลาดแรงงานที่ซบเซา และเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ ย้ำว่าไม่ได้ คาดหวังว่าทำเนียบขาวจะปรับนโยบายอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อการชะลอตัวของตลาดแรงงาน แต่คาดว่า จะเป็นการพยายามโน้มน้าว Fed ปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า
ภาพ: Kevin Dietsch/Getty Images
อ้างอิง: