รัฐบาล Trump มีความเชื่อว่า Apple สามารถและควรย้ายโครงสร้างการผลิต iPhone ทั้งหมดกลับมายังสหรัฐอเมริกา แต่บรรดานักวิเคราะห์กลับมองว่าเป็นเรื่องยากที่บริษัทจะพิจารณาดำเนินการเช่นนั้นในระยะเวลาอันใกล้
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ภาษีที่สูงขึ้นของประธานาธิบดี Trump กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. โดยทำเนียบขาวยืนยันการเรียกเก็บภาษี 104% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นปั่นป่วนอีกครั้ง หุ้น Apple ที่ยังคงผลิต iPhone จำนวนมากในจีนร่วงลงเกือบ 5% ขณะที่นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทกำลังคาดการณ์ว่าราคา iPhone จะพุ่งสูงขึ้นมากเพียงใด
นักวิเคราะห์หลายรายไม่เห็นด้วยกับความพยายามบีบบังคับให้บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การผลิตทั้งหมด Dan Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ระบุว่าภายใต้แผนการของรัฐบาลที่ใช้ภาษีอัตราสูงลิ่วเพื่อบังคับให้บริษัทย้ายการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ นั้น iPhone อาจมีราคาสูงถึงประมาณ 3,500 ดอลลาร์ หรือราว 1.21 แสนบาทหากผลิตในสหรัฐฯ เทียบกับราคา 1,000 ดอลลาร์ หรือ 3.5 หมื่นบาทในปัจจุบัน
“การเปลี่ยนฐานการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทานนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาลและใช้เวลานาน” Dipanjan Chatterjee นักวิเคราะห์จาก Forrester Research กล่าว “ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการทำเว้นแต่คุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาวยังคงยืนยันจุดยืนของรัฐบาลเมื่อถูกถามว่าการผลิต iPhone ควรย้ายกลับมาที่สหรัฐฯ ภายใต้นโยบายปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศหรือไม่ “แน่นอน Trump เชื่อว่าเรามีแรงงาน มีกำลังคน และมีทรัพยากรที่จะทำได้”
เธอยังอ้างถึงแผนการลงทุน 5 แสนล้านดอลลาร์ของ Apple ในสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า “หาก Apple ไม่คิดว่าสหรัฐฯ ทำได้ พวกเขาคงไม่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น”
อย่างไรก็ตาม การกล่าวว่าการลงทุน 5 แสนล้านดอลลาร์ของ Apple ในสหรัฐฯ ในช่วงสี่ปีข้างหน้านั้นเกี่ยวข้องกับการผลิตทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด นักวิเคราะห์บางรายได้อธิบายว่าแผนการลงทุนของ Apple นั้น “สอดคล้องกับสิ่งที่คาดว่าบริษัทจะใช้จ่ายอยู่แล้ว”
เงินลงทุนดังกล่าวรวมถึงการสร้างโรงงานผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ในเท็กซัส การเพิ่มกองทุนการผลิตขั้นสูงในสหรัฐฯเป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ การสร้างศูนย์วิจัยในมิชิแกนที่มุ่งเน้นการผลิตยุคถัดไป และการเพิ่มวิศวกรรมซิลิคอนและการผลิต
ความจริงคือทั้ง Steve Jobs และ Tim Cook ต่างย้ำมานานกว่าทศวรรษแล้วว่าการผลิต iPhone ในสหรัฐฯ เป็นไปไม่ได้ ในชีวประวัติของ Steve Jobs โดย Walter Isaacson ได้บรรยายการประชุมระหว่าง Jobs และประธานาธิบดี Barack Obama ในปี 2010-2011
Jobs อธิบายปัญหาสำคัญว่า สหรัฐฯ ไม่มีวิศวกรที่มีทักษะเฉพาะทาง Apple ต้องการวิศวกร 30,000 คนประจำโรงงานเพื่อดูแลคนงานผลิต แต่ในจีนมีคนงานถึง 700,000 คน ซึ่งสหรัฐฯ ไม่มีวิศวกรมากพอที่จะจ้างมาทำงานในลักษณะนี้
Tim Cook ยังเคยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาในงาน Global Forum ของนิตยสาร Fortune ในปี 2017 ว่า “ความจริงคือจีนไม่ได้เป็นประเทศค่าแรงถูกมานานแล้ว นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เราเลือกผลิตที่นั่น เหตุผลที่แท้จริงคือทักษะและจำนวนของวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญที่อยู่ในที่เดียวกัน ถ้าเราจัดประชุมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือในสหรัฐฯ ผมไม่แน่ใจว่าเราจะหาคนมาเติมห้องประชุมให้เต็มได้หรือไม่ แต่ในจีน พวกเขามีมากพอจะเติมสนามฟุตบอลได้หลายสนาม”
Gil Luria นักวิเคราะห์จาก D.A. Davidson เชื่อว่า Apple สามารถย้ายการผลิตบางส่วนมายังสหรัฐฯ ได้ แต่จะใช้เวลาระหว่าง 5-10 ปี “ช่องว่างระหว่างสหรัฐฯ และจีนในการผลิตตอนนี้เป็นช่องว่างด้านทักษะมากกว่าช่องว่างด้านต้นทุน” เขากล่าว
สำหรับตอนนี้ Apple ต้องรับมือกับผลกระทบของภาษีและมองหาวิธีเอาใจรัฐบาล Trump ขณะที่นโยบายภาษีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่ได้ให้ความมั่นคงใดๆ กับซีอีโอ ซึ่งรวมถึง Tim Cook ด้วย
ข่าวเรื่องภาษีของ Trump ส่งผลให้ตลาดสหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างหนัก และคาดการณ์ว่า Apple จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ขณะที่ผู้ผลิตพีซีก็คาดว่าจะต้องปรับราคาขึ้นเช่นกันเนื่องจากภาษีที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ภาพ: Courtesy of Apple
อ้างอิง: