โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเผย ใกล้บรรลุข้อตกลงสันติภาพสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ยอมรับว่า ประเด็นภูมิภาคดอนบาสยังหาข้อสรุปไม่ได้ หลังพบปะและเจรจากับ โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน และพูดคุยทางโทรศัพท์กับ วลาดีเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 ธันวาคม) ทรัมป์และเซเลนสกีแถลงความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงสันติภาพรัสเซีย-ยูเครนตลอด 2 ชั่วโมง ที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก รัฐฟลอริดา โดยปรากฏภาพผู้นำสหรัฐฯ กับประธานาธิบดียูเครน จับมือที่บันไดหน้าอาคารของทรัมป์
2 ผู้นำให้รายละเอียดเล็กน้อยกับสื่อ เซเลนสกีเผยว่า มีการบรรลุประเด็นหลักประกันความมั่นคงของยูเครนแล้ว ถือเป็น ‘หมุดหมายสำคัญ’ ในการสร้างสันติภาพให้ยั่งยืน ขณะที่ทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงสันติภาพคืบหน้าราว 90-95% โดยคาดหวังให้ยุโรป ‘รับภาระ’ ส่วนใหญ่ในการคุ้มครองยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ จะทำหน้าที่ให้การสนับสนุน
นอกจากนี้ ทรัมป์และเซเลนสกียอมรับว่า ยังหาข้อยุติประเด็นดอนบาสไม่ได้ โดยสหรัฐฯ พยายามประนีประนอมด้วยการเสนอแนวคิดตั้งเขตเศรษฐกิจเสรี หากยูเครนถอนกำลังออกจากพื้นที่ แต่ไม่ได้ระบุว่า เขตดังกล่าวมีรูปแบบหรือกลไกทำงานร่วมกันอย่างไร
อนึ่ง เซเลนสกีระบุว่า การบรรลุข้อตกลงสันติภาพต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภายูเครน หรือการทำประชามติ ขณะที่ทรัมป์ระบุว่า ตนยินดีที่จะขึ้นพูดในรัฐสภายูเครน หากข้อตกลงบรรลุได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี มีการตั้งคำถามถึงสถานะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ที่รัสเซียยึดครองตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามในปี 2022 แต่ทรัมป์ตอบสั้นๆ ว่า ปูตินไม่ได้ทิ้งระเบิดใส่โรงไฟฟ้าแห่งนี้แล้ว พร้อมกับตอบคำถามว่า ผู้นำรัสเซีย ‘จริงจัง’ กับการบรรลุสันติภาพ
ก่อนการเจรจาระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ผู้นำสหรัฐฯ ระบุผ่าน Truth Social ว่า เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำรัสเซียเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที นับเป็นบทสนทนาที่ดีและมีประสิทธิภาพว่า หากแต่ไม่มีสัญญาณว่า เครมลินพร้อมต่อรองข้อเรียกร้องใดๆ กับสหรัฐฯ และยูเครน โดย ยูริ อูชาคอฟ (Yuri Ushakov) ที่ปรึกษาด้านต่างประเทศรัสเซียระบุว่า ทรัมป์รับฟังสถานการณ์ของรัสเซีย แต่ก็ยอมรับว่า ข้อตกลงนี้จะยืดเยื้อการสู้รบ และเสี่ยงทำให้เกิดการปะทะรอบใหม่
อย่างไรก็ตาม มาเรีย ดรุตสกา (Maria Drutska) อดีตนักการทูตยูเครนวิเคราะห์สถานการณ์ว่า ปูตินพยายามบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพ ด้วยการพูดคุยกับทรัมป์ก่อนพบเซเลนสกี ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกันเหมือนในเดือนตุลาคม เมื่อผู้นำสหรัฐฯ ล้มแผนส่งโทมาฮอว์กให้ยูเครน หลังพูดคุยกับผู้นำรัสเซีย
ภาพ: Jonathan Ernst / Reuters
อ้างอิง:


