บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ True รายงานผลประกอบการปี 2561 กว่า 1 แสนล้านบาท เติบโต 4.9% จากปี 2560 ปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ประกอบกับการบริหารค่าใช้จ่ายและกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล หรือ DIF ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่าย (EBITDA) เท่ากับ 5.6 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 40.3% หากไม่รวมธุรกรรมการขายสินทรัพย์ให้แก่ DIF และการสิ้นสุดสัมปทานโทรศัพท์พื้นฐาน EBITDA จะเติบโตประมาณ 10% ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท
ปี 2561 ที่ผ่านมา เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ 2 ล้านราย ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 29.2 ล้านราย และรายได้จากการให้บริการเติบโต 7.3% ขณะที่ทรูออนไลน์ยังเติบโตได้ดี จำนวนลูกค้าบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์เพิ่มขึ้น 3.3 แสนราย และมีฐานลูกค้าเป็น 3.5 ล้านราย ส่งผลให้รายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตโดยรวมเติบโต 11.2 % เมื่อเทียบกับปี 2561 ขณะที่รายได้จากทรูวิชั่นส์ เท่ากับ 1.33 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.7% เติบโตจากรายได้ของธุรกิจบันเทิงและการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ฐานลูกค้าทรูวิชั่นส์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 ล้านราย
วิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร ให้ข้อมูลว่ากลุ่มทรูสร้างผลกำไรเพิ่มเป็น 7 พันล้านบาทพร้อมประกาศจ่ายปันผลมากขึ้น อัตราการเติบโตของรายได้จากการให้บริการสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกันแล้ว บริษัทฯ ยังปรับองค์กรให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักด้านดิจิทัลเพื่อให้ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ตแพ็กเกจ FTTH และ 1 Gbps ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด นอกจากนี้ยังมี ‘ทรูไอดี’ ซึ่งเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มของกลุ่มที่รวมทุกบริการไว้ในแอปพลิเคชันเดียวทั้งคอนเทนต์ ไลฟ์สไตล์ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เชื่อว่าธุรกิจของกลุ่มทรูจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป
พิสูจน์อักษร:ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)