ดูเหมือนว่าความสนุกของซีรีส์ True Beauty ที่สร้างจากเว็บตูนเรื่องดังจะทำเอาแฟนๆ ติดหนึบในความน่ารักสดใสของคาแรกเตอร์ อิมจูกยอง นางเอกของเรื่องที่แต่งหน้าเก่งเหลือเกิน แต่เมื่อไรก็ตามที่เธอลบเครื่องสำอางออกจนเผยให้เห็นผิวจริงที่เต็มไปด้วยสิว ก็ทำให้ขัดใจทุกที ผู้เขียนนึกสงสัยว่าเมื่อไรกันที่อิมจูกยองจะหันมาใส่ใจแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างการดูแลผิวเป็นสิวอย่างจริงจังเสียที ด้วยเหตุนี้ THE STANDARD POP จึงลิสต์วิธีรักษาสิวมาฝากแฟนๆ ซีรีส์ทุกคนที่อาจกำลังเผชิญปัญหาเดียวกันกับนางเอกของเรา เอาเป็นว่ามาเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จงเชื่อเถอะว่าหากเราเอาจริงกับการใส่ใจดูแลผิวที่เป็นสิวอย่างมีวินัยมากพอ การเปลี่ยนหน้าสิวให้เป็นหน้าใสคงเป็นฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
วิเคราะห์ลักษณะสิวของอิมจูกยอง
We Say: จากภาพสิวที่ปรากฏบนใบหน้าของอิมจูกยองนั้น สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนคือเม็ดสิวที่ขึ้นบริเวณหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง และบริเวณคาง ซึ่งมีลักษณะแดง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สิวอักเสบ ซึ่งที่มาของสิวอักเสบนั้นเกิดจากการติดเชื้อ P.Acnes จากการกดบีบสิว หรือเชื้อโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการเอามือสกปรกมาสัมผัสใบหน้าที่เป็นสิว มักจะมีลักษณะบวม แดง เมื่อใช้มือกดแล้วเจ็บ
วิธีรักษาสิวอักเสบ
We Say: การรักษาสิวอักเสบนั้นไม่ได้รักษาง่ายนัก เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาสิวโดยเฉพาะ เพราะมันมีข้อจำกัดต่างๆ ในการทายา การรับประทานยาปฏิชีวนะ (หากจำเป็น) ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วหลังจากการเข้าพบแพทย์จะทำให้เราทราบแนวทางการรักษาและการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ซึ่งโดยปกติแพทย์จะให้ทายารักษาสิวอักเสบ ซึ่งต้องทาต่อเนื่องอย่างน้อย 5 วัน แม้สิวจะยุบหรือหายแล้วก็ไม่ควรหยุดทายาก่อน ส่วนกรณีรับประทานยาปฏิชีวนะรักษาสิวก็เช่นเดียวกัน แพทย์มักจะแนะนำเสมอว่าควรทานให้ครบโดส เช่น ทานยาฆ่าเชื้อระบุว่าให้ทานครบ 5 วัน (หรือหมดแผง) ก็ต้องทานให้ครบตามกำหนด (เพื่อป้องกันการดื้อยา) และต้องจำไว้ว่าการรักษาสิวทุกชนิดต้องอาศัยความอดทนและใช้เวลานาน จึงไม่ควรใจร้อนและควรทายาสิวอย่างมีวินัยจะเป็นผลดีต่อการรักษาที่สุด
ยารักษาสิวควรทาเฉพาะจุด ไม่ใช่ทาทั่วใบหน้า
We Say: หลายคนทายาสิวทั่วใบหน้า เพราะเข้าใจว่าจะเป็นการป้องกันการเกิดสิวใหม่ไปในตัว ซึ่งเป็นวิธีการใช้ยาสิวที่ผิด เพราะการทายาสิวที่ถูกต้องควรทาเฉพาะจุดที่เป็นสิวเท่านั้น เพื่อให้ยาออกฤทธิ์รักษาสิวได้ตรงจุด และไม่สร้างการระคายเคืองให้กับผิวหนังบริเวณอื่นที่ไม่เป็นสิว อย่าลืมว่ายาปฏิชีวนะที่ใช้ทาภายนอกเพื่อรักษาสิวนั้นไม่ได้ถูกกับผิวพรรณของทุกคน บางคนอาจมีอาการแพ้จากการใช้ยาเกิดขึ้นได้ หากใช้ทาทั่วใบหน้า เมื่อแพ้ยาสิวอาจเห่อทั่วหน้า และสร้างปัญหาใหม่ให้ผิวบอบบางและระคายเคืองมากกว่าเดิม ดังนั้นเวลาจะทายาสิวควรทาเฉพาะจุดที่มีปัญหาสิวเท่านั้น
หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า
We Say: แม้ข้อนี้จะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับอิมจูกยอง แต่สำหรับคนดู เราแนะนำว่าถ้าอยากให้สิวหาย การงดแต่งหน้าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเสริมให้การรักษาสิวได้ผลดีมากๆ อย่าลืมว่าในเครื่องสำอางนั้นเต็มไปด้วยสารเคมี น้ำมัน และสารประกอบมากมายที่อาจสร้างการระคายเคืองที่ทำให้สิวเรื้อรัง รักษาไม่หายสักที แต่หากเราพักหน้าให้ผิวให้หายใจ ให้ยาทาสิวได้ทำงานอย่างเต็มที่ และอย่าลืมรักษาความสะอาดบริเวณใบหน้าอยู่เสมอ และไม่ควรเอามือไปจับใบหน้าบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงของสิ่งสกปรกรวมถึงเชื้อโรคที่จะไปสัมผัสกับสิวโดยตรงด้วย
เลือกทานอาหารต้านสิว
We Say: อาหารจังก์ฟู้ด อาหารแปรรูปต่างๆ ไม่ดีต่อร่างกาย แถมยังส่งผลเสียต่อผิวที่เป็นสิวด้วย ดังนั้นแนะนำให้หันมาใส่ใจการเลือกกินอาหารที่อุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหาร เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acids) สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สังกะสี (Zinc) วิตามินเอ (Vitamin A) และกากใยอาหาร (Dietary Fiber) สามารถช่วยบรรเทาอาการของสิวให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งพบได้ในอาหารประเภทเนื้อปลา โดยเฉพาะปลาแซลมอน เป็นแหล่งรวมกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่พบได้ง่ายและได้รับความนิยมมากในคนไทย รวมทั้งในปลาทูน่าด้วย ประโยชน์โดยตรงคือช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (ที่ไม่ดี) และความหนืดของเลือด รวมถึงการอักเสบภายในร่างกาย ใครเป็นสิวอักเสบ เมื่อทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ให้เพียงพอจะช่วยให้สิวอักเสบบรรเทาลงได้ นอกจากนี้ยังลดอาการบวมแดง และลดการระคายเคืองบนผิวหนัง ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านด้วย
อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ จะเข้าไปชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ และช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อที่จะทำให้ผิวเต่งตึง ลดปัญหาผิวเรื่องริ้วรอยต่างๆ อาหารจำพวกผัก ผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิ้ล กระเทียม เลมอน องุ่นแดง ชาเขียว หัวหอม มะเขือเทศ แครอต ฟักทอง ข้าวโพด บร็อกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา กุ้ง ไข่ปลา
อาหารที่มีสังกะสี (Zinc) ประโยชน์ของสังกะสี คือมีส่วนช่วยในการดูดซึมและการเกิดปฏิกิริยาของวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม และช่วยให้เซลล์สามารถนำวิตามินเอไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวหนังที่เกิดขึ้นใหม่มีความสมบูรณ์ ช่วยให้ความสมดุลของผิวหนังเป็นปกติ และช่วยป้องกันปัญหาสิวซึ่งมีสาเหตุมาจากการอุดตันของไขมันได้ อาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสีพบได้ทั่วไปในอาหารประเภทเนื้อสัตว์สัตว์และพืช เช่น อาหารทะเล หอยนางรม ตับ ตับอ่อน ไข่ เนื้อสัตว์ เมล็ดฟักทอง จมูกข้าวสาลี โกโก้ ชา ถั่ว และกระถิน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
