ในยามปกติ ทรอย ดีนีย์​ คือกัปตันทีมจอมแกร่ง ผู้นำของเหล่า The Hornets ที่ไม่เคยยอมแพ้ใครง่ายๆ ในสนาม และความแข็งแกร่งของเขาคือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วัตฟอร์ดกลายเป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้แก่ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

แต่ ณ สถานการณ์ปัจจุบันที่พรีเมียร์ลีกกำลังพยายามจับมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้ Project Restart ลุล่วง เพื่อที่ทุกคนจะได้กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองในสนามอีกครั้ง ซึ่งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 พฤษภาคม) เราได้เห็นภาพของนักฟุตบอลหลายๆ ทีมกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่นักเตะจอมแกร่งอย่างดีนีย์กลับปฏิเสธที่จะกลับมา 

อย่าว่าแต่การลงเล่น แค่การซ้อมก็ไม่เอาแล้ว

“เรามีกำหนดที่จะกลับมาในสัปดาห์นี้ ผมบอกไปแล้วว่าผมจะไม่เข้าร่วมด้วย”

เรื่องนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่า ทำไมคนที่ไม่เคยกลัวใครอย่างเขาถึงเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ส่งเสียงต่อต้านการกลับมาในเวลานี้ดังที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้าน ไนเจล เพียร์สัน ผู้จัดการทีมวัตฟอร์ด ก็ให้สัมภาษณ์กับ The Times เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีความกังวลใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่คิดที่จะบังคับให้ใครกลับมาซ้อม

คำตอบแรกจากปากของกองหน้าวัย 31 ปี ทำให้หลายคนต้องหยุดคิด

“ลูกชายของผมเพิ่งอายุแค่ 5 เดือน เขามีปัญหาเรื่องของการหายใจ ดังนั้น ผมไม่อยากที่จะกลับบ้านมาและทำให้เขาต้องตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น”

สิ่งที่เขากลัวคือ หากมีใครสักคนติดเชื้อขึ้นมา เชื้อก็จะกระจายไปทั้งทีม และมันเป็นความเสี่ยงที่เขาไม่มีวันยอมเสี่ยงด้วยอย่างเด็ดขาด

ดูเหมือนว่าความกังวลนั้นจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อมีรายงานล่าสุดว่า วัตฟอร์ดมีนักฟุตบอลติดเชื้อมากที่สุดถึง 3 ราย จาก 6 รายที่มีการตรวจพบ โดยอีกหนึ่งคนที่มีการเปิดเผยคือ เอียน โวน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมเบิร์นลีย์ ขณะที่อีก 2 ราย ยังไม่มีการเปิดเผย

สถานการณ์ในเวลานี้ที่วิคาเรจ โรด จึงวิกฤตยิ่งขึ้น เมื่อมีรายงานว่า นักฟุตบอลภายในทีมอีกหลายคนที่เริ่มคิดถึงสิ่งที่กัปตันทีมบอก และอาจจะนำไปสู่การปฏิเสธที่จะกลับมาลงฝึกซ้อมของนักฟุตบอลคนอื่นๆ ในทีมวัตฟอร์ด

หรืออาจจะนำไปสู่การบอยคอตยกทีม ก็มีความเป็นไปได้

ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ป่วย และเสียชีวิตของ BAME จริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้

ความเสี่ยงของนักเตะ BAME ที่ไม่มีใครให้คำตอบ

การห่วงสุขภาพของลูกชายของดีนีย์เป็นประเด็นส่วนตัวที่เข้าใจได้ แต่การปฏิเสธที่จะกลับมาลงสนามของเขาไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวอย่างเดียว หากแต่มีประเด็นในเรื่องส่วนรวมด้วย

เพราะจนถึงเวลานี้คำถามง่ายๆ ที่เขาถามทางด้านพรีเมียร์ลีกและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงของนักฟุตบอลผิวสี, เอเชีย และชนกลุ่มน้อย (Black, Asian and Minority Ethnic – BAME) ที่มีรายงานว่ามีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าคนผิวขาวจริงหรือไม่

“ปัญหาของผมอยู่ในการประชุม ผมถามคำถามง่ายๆ ไปหลายข้อ” ดีนีย์เผย

“สำหรับนักฟุตบอลผิวสี, เอเชีย และชนกลุ่มน้อย พวกเขามีโอกาสที่จะป่วยมากถึง 4 เท่า และมีโอกาสที่จะล้มป่วยยาวนาน 2 เท่า แบบนี้แล้วจะมีการตรวจอะไรที่เป็นพิเศษ ตรวจเพิ่มเติม ตรวจหัวใจเพื่อจะดูว่าคนเหล่านี้มีปัญหาเหล่านี้หรือไม่ คำตอบก็คือไม่ ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจะได้รับการจัดการ

“ผมยังตัดสินใจไม่ได้จนกว่าจะถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคม แต่ผมจะต้องลงไปในกรอบเขตโทษกับคนอีก 19 คน เพื่อจะเตรียมกระโดดโหม่ง แต่กลับไม่มีใครที่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ ซึ่งไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่อยากตอบ แต่เพราะพวกเขาก็ยังไม่มีข้อมูลเหมือนกัน

“ดังนั้น ผมบอกว่าถ้าคุณไม่มีข้อมูล แล้วทำไมผมถึงต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วย”

เรื่องนี้ทางด้าน ไมเคิล เบนเน็ตต์ ผู้อำนวยการสวัสดิการนักฟุตบอลของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) ยอมรับว่า มีนักฟุตบอลในกลุ่ม BAME ที่ติดต่อสอบถามเข้ามาจำนวนมาก หลังมีการเปิดเผยข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติของอังกฤษที่ระบุว่า ในอังกฤษและเวลส์นั้นคนผิวสีทั้งชายและหญิงมีโอกาสจะเสียชีวิตสูงกว่าคนผิวขาวถึง 2 เท่า

“ผมไม่มั่นใจกับความเสี่ยงในประเด็นนี้ว่าจะสูงขนาดไหน สิ่งที่เราทำได้คือ การพูดคุยในเรื่องนี้” เบนเน็ตต์กล่าว และย้ำว่า สำหรับ PFA ไม่มีอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของนักฟุตบอล

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

• https://www.bbc.com/sport/football/52721397
• https://www.thetimes.co.uk/edition/sport/watford-face-crisis-as-three-test-positive-for-coronavirus-jd8zf63rp

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ได้ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum