ต้องยอมรับเลยว่าในช่วงหลังมานี้เราอาจได้ยินคำว่า ‘Sustainability’ กันบ่อยมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน จากฤดูหนาวก็มีฝนตก หรืออย่างฤดูฝนก็กลับหนาวขึ้นมาได้ นี่อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มใส่ใจกับสิ่งที่เรียกว่า Sustainability มากขึ้น
ในการสำรวจอุตสาหกรรมของ IDC เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้มีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มเกือบ 30% มองว่า ความต้องการของลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์และข้อเสนอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่ความยั่งยืนที่มากขึ้น
และนี่คือเทรนด์ที่อาจเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ภายในปี 2023
1. เศษอาหาร
เรื่องเศษอาหารก่อให้เกิดปัญหาระดับโลกอยู่ 2 เรื่อง คือ ความหิวโหย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีรายงานปี 2010-2016 ระบุว่า เศษอาหารสร้างมลพิษทั่วโลกได้ถึง 8-10% โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบอย่างยิ่ง ที่จะต้องคำนึงถึงทรัพยากรที่จำเป็นในการปรับปรุงความมั่นคงด้านอาหาร และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีก็เป็นสิ่งจำเป็นในการหาทางออกใหม่ๆ เพื่อลดขยะอาหาร
ขณะนี้เริ่มมีผู้ผลิตหลายรายพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่ใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เครื่องคั้นน้ำผลไม้สามารถทำได้มากกว่าการสกัดน้ำผลไม้ นอกจากนี้ยังนำส่วนต่างๆ ของผลไม้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะจุดเริ่มต้นในการลดเศษอาหาร ไม่เพียงแต่กินให้หมด แต่มันเริ่มมาตั้งแต่กระบวนการผลิต รวมไปถึงการคัดสรรวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างดี
2. พลังงานน้ำและไฟฟ้า
เป็นข้อที่หลายคนได้ยินมานานนับ 10 ปี แต่ปัจจุบันสิ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะเปรียบเสมือนหัวใจในการผลิตสิ่งต่างๆ ออกมา และทุกกระบวนการผลิตมักจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทุกวัน
สำหรับปี 2023 เราจะได้เห็นการนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้มากขึ้น อย่างระบบการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่สำคัญผู้บริโภค 60-70% ต่างยอมจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับแบรนด์ที่ใช้ทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุย่อยสลายได้ กระดาษแข็ง และบรรจุภัณฑ์แบบปิดถาด เพื่อลดการใช้พลาสติกและพลังงานในการผลิต
3. นวัตกรรมโปรตีนจากเซลล์
นอกเหนือจากโปรตีนจากพืช และผลิตภัณฑ์จากนมที่เป็นที่นิยมแล้ว ยังมีโปรตีนจากห้องแล็บซึ่งยังไม่เป็นกระแสหลัก แต่เชื่อว่าอาจมีความต้องการเพิ่มขึ้น และจะกลายเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกชั้นนำในปี 2023 เนื่องจากวิธีการผลิตที่ช่วยลดความจำเป็นในการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มเพื่อเป็นอาหาร
อย่างที่ทราบกันดีว่าการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มต่างนำมาซึ่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษทางสารอาหาร ข้อมูลจากการศึกษาใหม่ 2 ชิ้นพบว่า เนื้อสัตว์จากเซลล์อาจทำให้โลกร้อนน้อยลงถึง 92% มลพิษทางอากาศน้อยลง 93% ใช้ที่ดินน้อยลงถึง 95% และน้ำน้อยลง 78% เมื่อเทียบกับการผลิตเนื้อวัวทั่วไป
4. ความสำคัญของ ESG
ในแง่ของสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดลำดับความสำคัญของความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนในปี 2023 นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงผลในระยะยาว
กระบวนการนี้เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตอย่างมีกำไร ผู้ผลิตที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่เพื่อจัดการกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรม รวมไปถึงลดขยะจากอาหาร บรรจุภัณฑ์ การใช้น้ำและไฟฟ้า จะยังคงเป็นแหล่งการเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง: