หุ้นในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการเปิดประเทศไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในประเทศ รวมทั้งการที่ประเทศอื่นๆ ส่งสัญญาณว่าจะอนุญาตให้มีการเดินทางเข้าออกประเทศได้ง่ายขึ้น เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง
สำหรับปัจจัยบวกต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ศุภชัย วัฒนวิเทศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลักๆ แล้วมีอยู่ 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออกแคมเปญ ‘ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย’ ร่วมกับ 6 สายการบิน ให้ส่วนลด 300 บาทต่อ 1 เที่ยวบิน
- การประกาศขยายเวลา Visa on Arrival จากเดิมที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติอยู่ในไทยได้ไม่เกิน 15 วัน เพิ่มเป็น 30 วัน
- กระทรวงสาธารณสุขประกาศยกเลิกโควิดเป็นโรคติดต่ออันตราย โดยลดชั้นเป็นเพียงโรคเฝ้าระวัง และการเดินทางเข้าไทยอาจไม่ต้องตรวจเชื้ออีกแล้ว
- การประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ Sentiment ในสายตาชาวต่างชาติดีขึ้น
- หลายประเทศเริ่มเดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง
หลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณว่าจะเปิดประเทศในช่วงต้นไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ ย่อมเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม
“แต่ต้องระวัง เพราะไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะซื้อได้หมด หุ้นเหล่านี้เล่นต่อเนื่องมาเป็นปีแล้ว ทำให้ราคารับรู้ล่วงหน้าไปมากแล้ว หุ้นบางตัวอาจจะยังพอไปได้ แต่หลายตัวก็เริ่มตึงแล้ว”
อย่างกรณีของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เชื่อว่ายังมีอัปไซด์จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวปีหน้าที่คาดว่าจะแตะ 20 ล้านคน ในขณะที่ยังมีอัปไซด์จากมูลค่าพื้นฐานที่ราว 80 บาท
ส่วนโรงแรมในไทยยังน่าจะเด่นกว่าบริษัทที่มีโรงแรมต่างประเทศ อย่าง บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) แต่หากราคาขึ้นไปเกินกว่า 4.60 บาท อาจจะเริ่มเต็มมูลค่าแล้ว หากราคาย่อลงมาถึงจะเริ่มน่าสนใจอีกครั้ง
“ในมุมการลงทุน หุ้นกลุ่มนี้ยังพอเล่นได้ แต่หากราคาปรับขึ้นแรงในไตรมาส 4 มองว่าควรจะเริ่มขายทำกำไรออกมาบ้าง”
ด้าน เบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการจัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า หุ้นเปิดเมืองโดยภาพรวมยังมีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อได้ โดยเฉพาะความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในประเทศ หนุนให้โรงแรมในประเทศได้ประโยชน์มากกว่า
สำหรับหุ้นที่เรามองว่ายังมีโอกาสแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มสนามบินและสายการบิน ซึ่งหุ้นอย่าง AOT และ BAFS เป็นตัวที่ยังมีอัปไซด์ ส่วนกลุ่มสายการบินแม้จะมีปัจจัยหนุน แต่ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงทำให้ราคาหุ้นอาจจะยังถูกกดดันอยู่
อีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มโรงแรมที่อิงกับการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ส่วนโรงแรมต่างประเทศอาจถูกกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้กำไรที่ได้อาจยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนต้องระมัดระวังคือ เศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง และการที่นักลงทุนเริ่มกลับมาคาดหวังมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ อย่างกรณีของจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ ช่วงต้นปีคาดหวังไว้ 4-5 ล้านคน ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 7-8 ล้านคน และไปถึง 10 ล้านคน
“ปัจจุบันเริ่มมีการมองไปถึง 14-15 ล้านคน ซึ่งเมื่อนักลงทุนเริ่มคาดหวังมากขึ้น หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดก็จะเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้น จ่ายเงินปันผลสูงมากกว่า 5% ตลอด 5 ปี แถมราคาตั้งแต่ต้นปียังบวก
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65