วันนี้ (28 เมษายน) ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ว่าเจตนารมณ์เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีมาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมาย 31 ฉบับ เช่น พ.ร.บ. โรคติดต่อ 2558 พ.ร.บ. ยา 2510 และ พ.ร.บ. ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ 2561 เป็นต้น ซึ่งต้องขอบคุณรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่ให้ความร่วมมือมอบความไว้วางใจให้นายกรัฐมนตรีในยามวิกฤตเช่นนี้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะเกิดประโยชน์ต่อสถานการณ์มากกว่า
ทิพานันกล่าวด้วยว่า ประกาศดังกล่าวไม่ใช่เป็นการไปยึดอำนาจจากรัฐมนตรีมา แต่เป็นการเสริมอำนาจให้นายกฯ สามารถสั่งการเฉพาะบางเรื่องได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านรัฐมนตรีที่เป็นผู้รับผิดชอบกฎหมายแต่ละฉบับ ไม่ได้เป็นการตัดอำนาจรัฐมนตรี แต่เป็นการเสริมให้อำนาจนายกฯ สั่งการได้ด้วย
การตัดสินใจดังกล่าว เป็นความมุ่งมั่นรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และตั้งใจเกาะติดการแก้ไขปัญหาด้วยการลงรายละเอียดให้มีการบูรณาการแบบองค์รวม แทนที่จะสั่งการและบังคับบัญชารัฐมนตรีไปตามที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งอาจทำให้เสียเวลา ไม่ทันการณ์ การโอนอำนาจในครั้งนี้ทำให้นายกฯ สั่งการไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้โดยตรง จะทำให้การแก้ไขปัญหามีเอกภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรม ใช้เวลารวดเร็วทันเหตุการณ์
“เป็นการทำงานเชิงรุกและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการเร่งรัดสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนภาวะผู้นำของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่ลงมือทำมากกว่าพูด แตกต่างจากนักการเมืองบางคนที่เป็นนายกฯ โซเชียล ถนัดพูดขายฝันสวยหรูแต่ไม่ยอมลงมือทำ ดีแต่อ้างว่าไม่มีอำนาจรัฐ” ทิพานันกล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์