วันนี้ (14 มิถุนายน) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงกรณีส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกที่จเรตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ไปตรวจความเรียบร้อยที่กองกำกับการแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครปฐม แต่กลับพบว่ามีเพียงนายตำรวจชั้นประทวนประจำสถานี 3 นาย ไม่มีนายตำรวจระดับผู้กำกับการหรือรองผู้กำกับการประจำสถานี
ทางผู้กำกับสถานีได้ชี้แจงว่าติดภารกิจพาลูกน้องจำนวน 7 นายที่มีคำสั่งให้เข้าช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เข้ารายงานตัว โดยเรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เป็นผู้มีอำนาจในการตรวจสอบ
โดยให้มีการสอบปากคำคำให้การของผู้กำกับว่าเป็นความจริงหรือไม่ ส่วนบทลงโทษอย่างไรขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
สำหรับการโยกย้ายนายตำรวจทั้ง 40 นายของ บก.ทล. พล.ต.ท. จิรภพกล่าวว่า หากพบว่าผลการสอบวินัยมีความผิดก็สามารถโยกย้ายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการโยกย้ายประจำปี ทั้งนี้ได้เน้นย้ำในเรื่องของการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่กำชับให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ได้สั่งการมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ให้เข้มงวดกวดขัน 13 กองบังคับการอย่างเต็มที่
โดยตนให้อำนาจแต่ละกองบังคับการปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลภายในอย่างเต็มที่ แต่หากไม่สามารถทำได้ ในฐานะกองบัญชาการก็จะส่งหน่วยเฉพาะกิจเข้าไปช่วยดูแล และจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
พล.ต.ท. จิรภพกล่าวต่อว่าใน บช.ก. นั้นมีข้าราชการตำรวจที่ผ่านหลักสูตรการอบรม กอส. มาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามีกี่นาย ส่วนประเด็นที่ว่ามีตำรวจขับรถยนต์หรูมาทำงานหรือไม่นั้น มองว่าไม่ใช้ประเด็นหลัก ขอแค่ให้มาทำงานและปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ก็พอ
