วันนี้ (27 ตุลาคม) ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง เมื่อ 15.00 น. ของวันนี้ ผมได้ให้เลขาส่วนตัวไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์แล้วครับ
ไตรรงค์ระบุว่า ผมลาออกทั้งๆ ที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึกหรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้น ที่ผมรักก็คืออุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ. 2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38 ปี
ไตรรงค์ระบุอีกว่า ผมก็ยังเชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุและปัจจัย อุดมการณ์ปี 2489 ทั้ง 10 ข้อ จึงต้องมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุค ให้เข้ากับบริบทใหม่ๆ ของประเทศและของโลก ที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อล้อมกรอบมิให้ผู้บริหารหรือสมาชิกแสดงท่าทีที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในอุดมการณ์ เช่น ต้องไม่มีใครมีท่าทีทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคตั้งตัวเป็นศัตรูกับทหารของชาติ เพราะทหารในปัจจุบันแตกต่างไม่เหมือนกับทหารสมัยก่อนแล้ว
ส่วนศัตรูของอุดมการณ์ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าไม่ใช่เฉพาะเผด็จการทหาร แต่หมายรวมถึงเผด็จการรัฐสภาด้วย และในนโยบายต่างประเทศต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าเราจะเป็นมิตรกับทุกประเทศ แม้ว่าระบอบการเมืองการปกครองจะแตกต่างจากของเราที่กำลังใช้อยู่ แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อธิปไตยของชาติต้องถูกครอบงำโดยประเทศอื่นอย่างเด็ดขาด ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้พูดให้สมาชิกและผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ฟังโดยละเอียดแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่โรงแรม Kantary Hill จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพรรคก็ได้พยายามปรับปรุงจุดยืนและท่าทีคล้ายๆ อย่างที่ผมเคยแนะนำไว้อยู่บ้าง คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์
แต่ก็ยังมีพรรคการเมืองอื่นๆ อีกหลายพรรคที่มีจุดยืนด้านอุดมการณ์ที่ตรงกับใจของผม ที่ผมอยากสนับสนุนโดยเฉพาะ มีอยู่หลายพรรคที่เกิดใหม่จากคนที่ต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกใครได้ (เพราะเกรงใจกัน) แต่เมื่อไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาก็ได้มีการประกาศจุดยืนแห่งอุดมการณ์ พร้อมมีนโยบายปฏิรูปหลายประการ เหล่านี้ทำให้ผมเห็นด้วยและอยากสนับสนุน
ไตรรงค์ระบุว่า ผมจึงอยากขอโอกาสมีลมหายใจเป็นของตนเองสักครั้งหนึ่งในบั้นปลายชีวิตทางการเมืองของผม เพื่อจะได้สนับสนุนพรรคการเมืองใหม่ๆ (ที่ใหม่กว่าพรรคประชาธิปัตย์) การแสดงออกจะได้สามารถทำได้อย่างเปิดเผย จะได้ไม่รู้สึกว่าผมแอบเป็นกบฏลับๆ ต่อพรรคประชาธิปัตย์ เพราะผมยังรักและสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ แต่ก็จะสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกพรรคที่ผมเห็นด้วยกับอุดมการณ์และนโยบาย จะยินดีให้ความช่วยเหลือตามที่ถูกร้องขอโดยไม่หวังผลอะไรเป็นการตอบแทนใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าแก่แล้ว หมายเหตุ จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีพรรคการเมืองใหม่ๆ มาขอคำปรึกษาไปแล้วถึง 5 พรรคครับ
ส่วนการสนับสนุนช่วยเหลือหลายๆ พรรคควรจะทำอย่างไรนั้น มันเป็นศิลปะที่ผมเรียนรู้มาและจะลองนำมาปฏิบัติดูในรูปแบบที่ว่า ต้องรวมมิตรและแยกศัตรูในเชิงอุดมการณ์ให้ชัดเจน ถ้าได้ผลก็ดี ถ้าไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร เพราะผมยึดถือคำว่า สันโดษ ตามภาษาพระที่สันโดษแปลว่าได้ก็ดีไม่ได้ก็ได้ (ไม่ใช่ตามภาษาคนที่หมายถึงการอยู่คนเดียว) และผมเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จึงไม่คิดว่าทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหาย เพราะพรรคเขามีบุคลากรมากอยู่แล้ว ส่วนมากก็มีความสามารถตามความเห็นของผู้บริหาร และผมก็ไม่เคยจะทำร้ายพรรคหรือพูดจาใดๆ ให้พรรคต้องเสียหายและเสียน้ำใจกัน
อย่างไรก็ดี ผมก็ยังคงต่อต้านและปฏิเสธทั้งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ใช้โวหารแบบปลิ้นปล้อน โกหกตอแหล ใส่ความ หลอกลวง หน้าอย่างหลังอย่าง เป็นพวกเล่นการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติที่ควรจะเป็นผลประโยชน์สูงสุด เพราะผมเห็นว่าคนเช่นนี้ลงมาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก โดยการอ้างชาติและประชาธิปไตยเพื่อเป็นการบังหน้า และให้ประชาชนหลงผิดในสาระสำคัญเท่านั้น
โดยเนื้อแท้แล้วคนเช่นนี้เป็นพวกที่พร้อมจะขายชาติเพื่อแลกเงิน พร้อมจะทำลายและบิดเบือนคำสอนอันเป็นหัวใจของศาสนาต่างๆ เพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงจากคนที่โง่ๆ ตลอดจนเป็นพวกที่พร้อมจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ (ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง) เพื่อเปลี่ยนระบบการเมืองการปกครองของประเทศให้เป็นระบอบสาธารณรัฐที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ซึ่งเป็นระบบที่แสนจะไม่เหมาะกับบริบทและประวัติศาสตร์ของชาติไทย หากแต่จะนำมาซึ่งความแตกแยกที่รุนแรง ศีลธรรมจะตกต่ำ การไร้ยางอายในการทำชั่วจะมีมากขึ้นเหมือนอย่างหลายประเทศทั้งในเอเชียและในลาตินอเมริกา
ไตรรงค์ระบุว่า ผมเห็นว่าอธิปไตยและเอกราชของชาติอาจจะเกิดความเสียหายได้ ถ้าประเทศต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเลวๆ ดังกล่าวข้างต้นก็โดยที่นักการเมืองอย่างนั้นจะเป็นคนที่เห็นแก่ลาภ (เงิน) ยศ และสรรเสริญของตนเองและพรรคพวกมากกว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะได้เห็นตัวอย่างมาแล้วว่าครั้งหนึ่งพวกเขาได้เคยแอบทำการตกลงลับๆ ที่จะอนุญาตให้มหาอำนาจบางประเทศ มาตั้งฐานทัพในประเทศ เพื่อจะได้สะสมอาวุธไว้ข่มขู่บางประเทศที่พวกเขาแย่งชิงความยิ่งใหญ่ในการเป็นเจ้าโลกกันอยู่ในปัจจุบันนี้ โชคดีที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีคณะองคมนตรี และมีสถาบันกองทัพทั้ง 3 เหล่าเป็นเกราะกำบังให้ ประเทศของเราจึงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนประเทศยูเครนอย่างที่เราเห็นๆ กันอยู่ในปัจจุบัน
ไตรรงค์ระบุว่า ผู้ที่แอบทำความตกลงลับๆ (MOU) ดังกล่าวบางคนได้เสียชีวิตไปแล้ว ขอให้ทุกคนจงอโหสิ เพราะไม่มีทานใดๆ จะได้บุญเท่ากับอภัยทาน ผมไม่ได้พูด แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้ตรัสไว้เช่นนั้นครับ
ผมยังคงเป็นมิตรที่ดีของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เฉพาะที่เป็นคนดีอยู่เหมือนเดิมทุกประการโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ แต่ขอให้ทุกคนโปรดทราบเจตนาบริสุทธิ์ของผมว่า การลาออกในครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการประสานกับพรรคการเมืองอื่นๆ จะได้มีพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ เพื่อจะได้ตะล่อมให้บ้านเมืองเดินหน้าไปในทิศทางที่ผมเห็นว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด โดยที่ผมไม่หวังอะไรเป็นการตอบแทนโดยส่วนตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดๆ ซึ่งผมเคยแจ้งความในใจส่วนนี้ให้คุณจุรินทร์ หัวหน้าพรรค และคุณนิพนธ์ รองหัวหน้าพรรคทราบแล้ว เมื่อตอนที่ท่านทั้งสองมาเยี่ยมผมที่บ้านพักหลังการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลาและชุมพรครับ