นี่คือภาพรวมกลุ่มประเทศในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report: TIP Report) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2021 ที่สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลสถานการณ์การค้ามนุษย์ทั่วโลก โดยในปีนี้ไทยขยับลงจาก Tier 2 เมื่อปีที่แล้ว ลงมาอยู่ Tier 2 Watch List: ประเทศที่ต้องจับตามอง ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างบรูไน กัมพูชา และเวียดนาม
ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเมียนมาและมาเลเซียได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่ม Tier 3 เป็นกลุ่มที่รัฐบาลดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายสหรัฐฯ ไม่มีความพยายามแก้ไข ซึ่งสหรัฐฯ อาจพิจารณาระงับการให้ความช่วยเหลือที่มิใช่ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและการค้าได้ โดยอยู่ร่วมกับมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซีย โดยมีลิเบีย โซมาเลีย เยเมน เป็น 3 ประเทศที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องเฝ้าระวังและติดตามเป็นพิเศษ (Special Case)
ทางการไทยแสดงท่าทีหลังรับทราบการจัดระดับดังกล่าว โดยรู้สึกผิดหวังที่การจัดระดับไม่ได้สะท้อนอย่างเป็นธรรมถึงความพยายามและพัฒนาการความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมของไทยในการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ดี การจัดทำรายงาน TIP Report เป็นการประเมินและจัดระดับประเทศต่างๆ จากมุมมองของสหรัฐฯ ซึ่งมิได้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ
รัฐบาลไทยระบุว่า ที่ผ่านมาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ การดำเนินการเรื่องนี้ของไทยเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสังคมไทย และเพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองดูแลและป้องกันไม่ให้ชาวไทย ชาวต่างชาติ รวมถึงแรงงานต่างด้าวในไทยตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของไทยมีพัฒนาการความคืบหน้าเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดห้วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2020 แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การดำเนินงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยก็มีพัฒนาการเชิงคุณภาพอย่างมีนัยสำคัญในทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1. การดำเนินคดี มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้เวลาน้อยลง โดยการพิจารณาคดีกว่าร้อยละ 90 เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 1 ปี การลงโทษผู้กระทำผิดมีอัตราโทษที่สูงขึ้น โดยมีจำนวนผู้ได้รับโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 67 ของผู้กระทำผิดที่ได้รับโทษจำคุกทั้งหมด มีการให้ความสำคัญกับการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิด และการปราบปรามการค้ามนุษย์ในรูปแบบใหม่ทางออนไลน์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด
2. การคุ้มครองดูแลผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ยังคงยึดหลักการให้ผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Victim-centered Approach) และคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจ (Trauma-informed Care) โดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคประชาสังคมในการจัดบริการและคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหาย และ 3. การป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ซึ่งภายใต้สถานการณ์โควิด ได้มีการขยายเวลาอนุญาตให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2022 จำนวน 240,572 คน ทำให้แรงงานได้รับการคุ้มครอง ได้รับสิทธิต่างๆ ตามกฎหมาย และลดความเสี่ยงตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
นอกจากนี้ยังมีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลแรงงาน เช่น การยกระดับมาตรฐานที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกในเรือประมง และการอำนวยความสะดวกการออกหนังสือคนประจำเรือ อีกทั้งยังมีการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และการสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเสี่ยงถูกแสวงหาประโยชน์เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลไทยระบุว่าจะเดินหน้าต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจังต่อไป เพื่อปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่ไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน ไทยพร้อมร่วมมือกับหุ้นส่วนต่างๆ ที่มีเจตนาสร้างสรรค์ ทั้งภายในไทยและต่างประเทศ เพื่อขจัดการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานในทุกรูปแบบให้หมดสิ้นไปในที่สุด
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา
อ้างอิง:
- https://www.state.gov/reports/2021-trafficking-in-persons-report/
- https://www.mfa.go.th/th/content/tip2021?page=5d5bd3c915e39c306002a907&menu=5d5bd3c915e39c306002a909