×

ภาพจริงสงครามการค้ากำลังมา แนะลงทุนแบบกระจายลดผันผวนพอร์ต

12.06.2025
  • LOADING...
สงครามการค้า แนะลงทุน

ภาพรวมการลงทุนทั่วโลกมองผ่านดัชนีหุ้นยังคงผันผวนในกรอบแคบๆ และออกไปในแนวฟื้นตัวขึ้นหลังจากวันที่ 2 เมษายน ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้ Reciprocal Tariff

 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดือนที่ผ่านมา ทรัมป์ก็ยังคงสร้างความผันผวนไปมาไม่ว่าจะเป็นการยกระดับ Tariff ขึ้นในระดับ เกิน 100% ต่อประเทศจีนและประเทศจีน ก็ขึ้น Tariff สวนกลับแบบ หมัดต่อหมัด ก็ถือว่าเป็นการเปิดฉากสงครามการค้าเป็นรอบที่สอง สำหรับประเทศอื่นๆ ที่โดนหนัก ก็เป็นแถวโซนยุโรป และมีเอเชีย โดยรวมก็โดนกันทั่วโลก อย่างไรก็ตาม พัฒนาการ การเจรจาทางการค้าก็ออกมาดีขึ้น บรรยากาศเริ่มดีขึ้น แต่ระดับที่โดนกันขั้นต่ำสุดก็ไม่น่าจะน้อยกว่า 10-15% ในเบื้องต้น ภาพรวมของตลาดโลกดูดี ยกเว้น ประเทศ

 

มาเริ่มที่การเจรจาทางการค้า กับอังกฤษ เหมือนจะได้ข้อสรุป และจีนเองต่างก็เริ่มขยับกำแพงภาษีลงและอาจจะรวมไปถึงการลดข้อจำกัดในเรื่องของการส่งออกสินค้าเทคโนโลยี และแร่หายาก ซึ่งน่าจะเป็นการเริ่มต้นการเจรจาการค้าที่ดี มีแนวโน้มที่สดใสขึ้น อย่างไรก็ตาม Reciprocal Tariff ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือลดการขาดดุลของสหรัฐฯ แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ที่เป็นประเทศที่พึ่งพาการบริโภค นโยบายนี้ดูจะสวนทางกับธรรมชาติของคนอเมริกัน ทำให้ความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจจะถดถอย เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวของอเมริกาพุ่งทะลุ 5% และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เดินหน้าอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินทั่วโลก รวมทั้งไทยด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้นสถาบันจัดอันดับเครดิต คือ Moody ต้องออกมา ปรับ เครดิตประเทศสหรัฐฯ ลงจาก Aaa เหลือ Aa1 เนื่องจากหนี้สาธารณะและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการขาดดุลทางการคลังรวมถึงความล้มเหลวการดำเนินนโยบายการคลังที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะใช้นโยบายทางการเงินแบบตึงตัว เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อที่เกิดจากการขึ้นกำแพงภาษี ดังนั้น การประชุม FOMC รอบนี้ ก็น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย ที่ 4.25-4.5%

 

ทางด้านภูมิภาคเอเชียมีข่าวบวกอยู่บ้างแต่อาจจะไม่พอ ขอพูดนิดเดียว คือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือ ธุรกิจรายย่อยของประเทศจีนมูลค่าล้านล้านหยวน ถือว่ามีดีกว่าไม่มี หลักๆ ก็เพื่อช่วยเศรษฐกิจในการปรับตัวรับกับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ สำหรับประเทศไทย ก็คงต้องพูดแบบตรงไปตรงมาคือตลอดช่วงเวลาทองสองปีแรกของรัฐบาล แทบจะไม่ได้ทำอะไรที่เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายแจกเงินไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ออกมาไม่ทันและที่ออกมาก็ยังมีขนาดเล็กเกินไป งบประมาณที่พร้อมใช้กลับกลายเป็นงบกระจัดกระจาย เนื่องจากมีการจัดสรรงบประมาณที่ล่าช้า ไม่มีแผนแม่บท

 

ทั้งหมดนี้ต้องบอกว่า เวลาทองของประเทศไทยได้ผ่านไปแล้ว ล่าสุดการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลมีอาการติดขัดและล่าช้าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกิดกระแสข่าวว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็วๆ นี้ ปัญหาการเมืองในประเทศและการดำเนินนโยบายที่ล่าช้าโดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ส่งผลทำให้ภาพการลงทุนสวนทางกับทั่วโลกดูได้ผ่านตลาดหุ้น

 

โดยดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก อย่าง MSCI ACWI index ให้ผลตอบแทนเป็นเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานำโดยดัชนีหลักอย่าง S&P500 ที่มีปรับขึ้นผล 4.2% ดัชนีหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก Russell 2000 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.9% และดัชนีหุ้นเทคโนโลยีอย่าง NASDAQ ปรับขึ้นมากถึง 7.4% ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็สามารถสร้างผลงานได้ดีเช่นกันโดยประเทศเยอรมัน ดัชนี DAX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5%, ดัชนี STOXX600 และ CAC 40 รวมถึง FTSE100 สามารถปรับขึ้นได้ในช่วง 2-3% ส่วนตลาดเอเชียก็สามารถฟื้นตัวได้ดีโดยเฉพาะตลาดในเวียดนามและตลาดไต้หวัน รวมทั้ง ฮ่องกง ก็ปรับขึ้น 6-7% ยกเว้น ประเทศไทยที่ปรับตัวลดลง ยกเว้น SET Index ที่ติดลบ

 

ภาวะการลงทุนในเดือนมิถุนายน การฟื้นตัวของตลาดโลกน่าจะแผ่วลง ในขณะที่ประเทศไทยน้ำหนักส่วนใหญ่ยังเป็นประเด็นทางการการเมือง และยังคงไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา การส่งออกออกมาดีเนื่องจากการเร่งสะสมสินค้าเพื่อรองรับมาตรการ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ ส่วนการท่องเที่ยวมีการปรับตัวเลขประมาณการลงแต่ก็ยังคงไว้ที่ระดับ 33-34 ล้านคน ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย

 

ด้านมุมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บลจ.วรรณ ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายนจะยังคงเผชิญความผันผวน จากปัจจัยภายในประเทศที่อ่อนแอ แนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่หลากหลาย อาทิ กลุ่มTHAIESGX พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขกรมสรรพากร และ กระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่ม SETHD สำหรับผู้ต้องการเน้นหุ้นปันผล ควบคู่กับการกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนตราสารหนี้ อาทิ ONE-FAR และ ONE-DI รวมถึงการลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศและสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของพอร์ตในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

ภาพ: Javier Ghersi / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising