ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำ Tech Insurance ในอาเซียน โดยดึงเอาเทคโนโลยีและดาต้ามาใช้อย่างคุ้มค่า รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายกับพาร์ตเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) ได้แจ้งลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท Asia Investment and Financial Services Co., Ltd. (AIF) โดยดำเนินการผ่านบริษัท ทีโอ 2020 จำกัด (บริษัทย่อยที่ TQM ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%)
ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการ TQM กล่าวว่าทีโอ 2020 จะลงทุนในบริษัทร่วมทุน (JV) กับกลุ่มบริษัท Asia Investment and Financial Services Co., Ltd. (AIF) ในนามบริษัท BIC Insurance จำกัด เพื่อเปิดตลาดประกันภัยในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีสัดส่วน 49% ของทุนจดทะเบียน หลังจากดำเนินการแล้วเสร็จและโอนหุ้นทั้งหมดได้ภายในปี 2563 โดยจะเริ่มดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่ได้ลงนามตาม MOU ต่อไป
ในเบื้องต้น BIC ดำเนินธุรกิจด้านประกันภัยและวินาศภัยในรูปแบบ B2B ก่อนในประเทศกัมพูชาและลาว เนื่องจากพาร์ตเนอร์ที่จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกันมีความโดดเด่นด้านฐานลูกค้าคอร์ปอเรตในทั้งสองประเทศดังกล่าว ขณะที่บริษัทมีความโดดเด่นในเรื่ององค์ความรู้ ฐานข้อมูล ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการขายที่ช่วยในการขยายตลาดทั้ง B2B และ B2C รวมถึงตลาดรายย่อยผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดย TQM คาดหวังว่าทีโอ 2020 จะเป็นเรือธงที่ทำให้บริษัทขึ้นแท่นผู้นำด้าน Digital Insurance Broker ของอาเซียน
โดยจะเริ่มดำเนินธุรกิจในกัมพูชาก่อน เบื้องต้นคาดหวังรายได้ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปลายไตรมาส 1/64 จะเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศลาว โดยธุรกิจประกันในประเทศกัมพูชามีมูลค่าตลาดประมาณ 198 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดในลาวมีมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ TQM ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ในประเทศไทยเพื่อสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการเติบโตระหว่างกัน
ขณะเดียวกัน TQM รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิ 169.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการ 12% เป็น 774 ล้านบาท
ส่วนรวม 9 เดือน รายได้รวม 2,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.6% และกำไรสุทธิ 512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.7% ซึ่งมาจากยอดขายประกันภัยเกือบทุกประเภทเติบโตขึ้นในทุกช่องทาง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 คาดการณ์ว่าจะทำสถิติสูงสุด หลังจากงวด 9 เดือนสามารถยอดขายได้แล้ว 12,975 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้ยอดขายน่าจะสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 15,000 ล้านบาท และในปี 2569 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มเป็น 50,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย ซึ่งมาจากการเติบโตของ TQM ประมาณ 35,000 ล้านบาท และจากกิจการที่เกิดจากการควบรวม (M&A) ประมาณ 15,000 ล้านบาท
ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มว่า TQM จะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย Growth Engine 4 ด้าน ได้แก่
1. รักษาจุดแข็งของการทำประกันภัยรถยนต์ให้เติบโตต่อเนื่อง
2. เพิ่มช่องทางประกันภัยแบบใหม่ๆ ที่หลากหลาย ทั้งประกันภัยบ้านและประกันสุขภาพที่ครอบคลุมไปถึงโรคใหม่ๆ
3. ควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ
4. นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
