Reuters รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เผยว่า Toyota Motor กำลังร่างแผนการปรับกลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าให้กับซัพพลายเออร์รายสำคัญในต้นปีหน้า เนื่องจากต้องแข่งขันกันเพื่อลดช่องว่างด้านราคาและประสิทธิภาพ หวังตามให้ทันผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง Tesla และ BYD
ยักษ์รถยนต์จากแดนซามูไรกำลังมองหาวิธีปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าที่วางแผนไว้สำหรับทศวรรษนี้ โดยได้เร่งการนำเทคโนโลยีที่ส่งเสริมสมรรถนะมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่วางแผนไว้ ตั้งแต่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า มอเตอร์ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แปลงพลังงานจากกริดไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และระบบทำความร้อนและความเย็นแบบบูรณาการมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่นแรกของ Toyota สำหรับตลาดหลัก ได้แก่ bZ4X และ Lexus RZ และตั้งใจที่จะปิดช่องว่างกับ Tesla ในด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อากิโอะ โทโยดะ ซีอีโอ Toyota เผยแล้ว เหตุผลที่ไม่กระโจน ‘สู่สายพาน EV’ พร้อมย้ำ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังไม่ใช่กระแสหลัก
- การมีรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมส่งมอบทำให้แบรนด์จีนได้เปรียบเหนือแบรนด์ ญี่ปุ่น จุดติด ‘BYD’ ให้เร่งเครื่องในไทย
- Toyota เคาะราคาขาย รถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X 1,836,000 บาท เผยเป็นการนำเข้าจากญี่ปุ่น และไทยมีโควตาปีนี้ไม่ถึง 50 คัน
Toyota มีกำหนดการจัดประชุมซัพพลายเออร์ครั้งใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นการประชุมซัพพลายเออร์ระดับโลกครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า Tesla ของมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ทำกำไรต่อคันในตัวเลขที่มากกว่าเกือบ 8 เท่า เมื่อเทียบกับรถของ Toyota ในไตรมาสที่ 3/2022 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการลดความซับซ้อนของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและลดต้นทุน
ขณะเดียวกัน Toyota กำลังทบทวนแผนการมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับการพัฒนาและเปิดตัวถยนต์ไฟฟ้า ในการนี้ได้มีการระงับการทำงานในโครงการรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่บางโครงการที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว เป็นต้น
การปรับปรุงใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่ Toyota มองว่ารถไฮบริดที่ใช้น้ำมันเบนซิน-ไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดที่บุกเบิกผ่านรถรุ่น Prius จะยังคงเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่ของการใช้รถยนต์
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ส่วนใหญ่คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมียอดขายเป็นสัดส่วนหลักภายในปี 2030 ขณะเดียวกัน นักลงทุนได้ผลักดันให้ Toyota จริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้น เนื่องจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วทั้งอุตสาหกรรมเติบโตเกินกว่าที่ Toyota คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ภาพ: Courtesy of Toyota
อ้างอิง: