×

สเปอร์ส vs. เลสเตอร์ การพบกันของสองทีมที่ต้องเริ่มนับ 1 ใหม่

21.07.2023
  • LOADING...
สเปอร์ส vs. เลสเตอร์

วันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมจากพรีเมียร์ลีก จะมาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อพบกับเลสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/16

 

แต่จากที่โปรโมตไว้ในตอนแรกว่า จะเป็นการพบกันของสองยอดทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางแสดงให้เห็นว่า ตอนนี้การพบกันของทั้งสองทีมนี้คือการเริ่มต้นนับ 1 ใหม่อีกครั้ง

 

เกิดอะไรขึ้นระหว่างเส้นทางของพวกเขา และการพบกันของพวกเขาที่ดูเหมือนจะเป็นเกมกระชับมิตรธรรมดา ทำไมดูมีความหมายมากกว่านั้น

 

เกิดอะไรขึ้นกับไก่เดือยทอง

 

 

ในช่วงหลายฤดูกาลให้หลัง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตั้งตนว่าเป็นหนึ่งในทีมที่มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ได้ทุกฤดูกาล ขาดแค่ความคมและความสม่ำเสมอเท่านั้น ก่อนฤดูกาล 2022/23 พวกเขามีอะไหล่พร้อมทั้ง แฮร์รี เคน จอมยิงดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก และ ซนฮึงมิน กองหน้าชาวเกาหลีใต้ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับการมี อันโตนิโอ คอนเต ผู้จัดการทีมชาวอิตาลีฝีมือดีด้วย

 

การเสริมทัพก่อนฤดูกาลพวกเขาก็ทำได้ดีกับการทุ่มเอาเงินประมาณ​ 170 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว ริชาร์ลิสัน, คริสเตียน โรเมโร, ยีฟ บิสซูมา, เดสตินี อูโดกี และ เชด สเปนซ์ เข้าทีม พร้อมกับเซ็นสัญญาผู้เล่นฟรีเอเจนต์มีชื่ออย่าง อีวาน เปริซิช กองกลางที่คอนเตไว้ใจอีกด้วย

 

พวกเขาออกสตาร์ทได้ยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก เริ่ม 7 นัดแรก ชนะ 5 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร อยู่ที่ 3 ของตาราง

 

แต่หลังจากแพ้ให้กับอาร์เซนอล 1-3 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

 

ตลอดทั้งฤดูกาลหลังจากนั้นสเปอร์สเริ่มแพ้ในระยะที่ถี่มากขึ้น คงความเสมอต้นเสมอปลายไม่ได้ รวมถึงการที่ผู้เล่นทุกคนฟอร์มตกอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะริชาร์ลิสันที่ตลอดทั้งฤดูกาลยิงได้แค่ 1 ประตูเท่านั้น ซึ่งเป็นผลงานที่ดรอปลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ 10 ประตูที่ยิงได้ในฤดูกาลก่อนหน้า

 

แต่ผลกระทบที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนมาพร้อมกับการปลดคอนเตในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

ซึ่งก่อนหน้าที่คอนเตจะโดนไล่ออก เขาได้ระเบิดอารมณ์บนโต๊ะแถลงข่าว และวิจารณ์สิ่งที่เป็นเนื้อเน่าของพวกเขาที่แท้จริง ซึ่งก็คือ ‘วัฒนธรรมองค์กร’

 

“พวกเขาไม่เคยเล่นเพื่ออะไรที่สำคัญ พวกเขาไม่ต้องการเล่นภายใต้ความกดดัน พวกเขาไม่ต้องการเล่นภายใต้ความเครียด 

 

“มันก็ง่ายๆ แค่นี้ เรื่องของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ มันมีแค่นี้เลย เจ้าของสโมสรอยู่กับทีมมา 20 ปีแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย อะไรคือเหตุผลล่ะ? ความผิดทั้งหมดมันตกอยู่กับสโมสรหรือผู้จัดการทีมทุกคนที่มาที่นี่ ผมเห็นผู้จัดการทีมของสเปอร์สทุกคนที่คุมทีมอยู่ที่ม้านั่งข้างสนาม พวกเขาต้องเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อปกป้องเรื่องอื่นตลอดเวลา

 

“พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมได้ และก็เปลี่ยนมาแล้วมากมาย แต่ทุกอย่างมันไม่เคยเปลี่ยนเลยเชื่อผมสิ”

 

 

วัฒนธรรมที่พร้อมโละผู้จัดการทีมทิ้งได้เสมอและไม่มีความกระหายในชัยชนะ ชนิดที่ว่าคอนเต ผู้สามารถปลุกชีพทีมชาติอิตาลีเมื่อปี 2016 ได้ ยังเอาไม่อยู่

 

ท้ายที่สุดท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ก็จบอันดับที่ 8 พลาดไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 2009/10 

 

และถึงแม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะมี อังเก ปอสเตโคกลู กุนซือชาวออสซีผู้สามารถชุบสโมสรกลาสโกว์ เซลติก มาได้อีกครั้งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว มาเป็นหัวเรือ แต่ถ้าวัฒนธรรมเดิมยังคงอยู่ ก็เช่นเดียวกับไก่ที่ออกลูกเป็นคนไม่ได้

 

จิ้งจอกไร้ลาย?

 

 

ฤดูกาล 2022/23 ยิ่งเป็นฤดูกาลที่แย่กว่าสำหรับจิ้งจอกสยาม เมื่อพวกเขาตกชั้นพรีเมียร์ลีกด้วยการจบอันดับที่ 18 คำถามที่ตามมาคือ

 

ทำไมทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 7 ปีก่อนถึงตกชั้นได้ในวันนี้

 

คำตอบคือ ‘การตลาด’

 

เลสเตอร์ ซิตี้ มีแผนทำเกมมาตลอดที่ว่าจะขายผู้เล่นหลักออกไปอย่างน้อย 1 คน ต่อ 1 ตลาดซื้อ-ขายนักเตะฤดูกาลด้วยค่าเงินที่สูง เพื่อซื้อดาวรุ่งที่พร้อมจะปั้นเพื่อขายอีกในอนาคต หมุนเวียนไปเรื่อยๆ

 

ซึ่งแสดงให้เห็นจากการที่ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เจ้าของทีม จะใส่ใจในการพัฒนาสนามซ้อมและทีมเยาวชนเป็นอย่างมาก เช่น การสร้างสนามซ้อมใหม่ทันสมัยที่เมืองซีเกรฟ ทางเหนือของนครเลสเตอร์เชอร์

 

ซึ่งโมเดลนี้เวิร์กมาตลอด เช่น การขายผู้เล่นอย่าง ริยาด มาร์เรซ, เอ็นโกโล กองเต, เดนี ดริงก์วอเตอร์, เบน ชิลเวลล์ หรือแม้กระทั่ง แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่ราคารวม 255 ล้านปอนด์ เพื่อไปซื้อผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง เจมส์ เมดดิสัน และ ยูริ ตีเลอมันส์ มาปั้น

 

แต่ว่าวัฏจักรทุกอย่างกลับสะดุดลงเพราะสถานการณ์โควิด ทำให้ทางสโมสรขาดทุนโดยตรง 50 ล้านปอนด์ และส่งผลกระทบต่อทีมในระยะยาวด้วย เนื่องจากคิง เพาเวอร์ บริษัทแม่ของเลสเตอร์ เป็นธุรกิจขายของ Duty Free ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการท่องเที่ยว ทำให้โดนผลกระทบอย่างหนักจากโควิด 

 

โดยรายงานการเงินปี 2021-2022 สรุปว่า สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ขาดทุนรวม 92.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4 พันล้านบาท

 

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแนวความคิดการซื้อผู้เล่น จากการที่ผู้จัดการทีม แบรนดอน ร็อดเจอร์ ชอบที่จะนำผู้เล่นที่พอมีชื่อแล้วบ้างเข้ามา เช่น ยานนิค เวสเตอการ์ด และ ไรอัน เบอทรานด์ ซึ่งไม่สามารถแสดงฟอร์มที่ประทับใจได้ รวมถึงไม่สามารถสร้างมูลค่ามากพอในการขายต่ออีกด้วย

 

 

นอกจากนี้พวกเขายังไม่ซื้อตัวผู้รักษาประตูคนใหม่มาแทนที่ เคสเปอร์ ชไมเคิล และเลือกที่จะเชื่อใจ แดนนี วอร์ด ประตูมืออันดับสองของทีม ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเมื่อมองในภายหลัง

 

เพราะว่าเกมรับของเลสเตอร์ ซิตี้ นั้นคือปัญหาอย่างชัดเจนในฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึงการครองคะแนนนำ โดยในฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาออกนำถึง 18 ครั้ง แต่กลับคงชัยชนะได้แค่ 9 ครั้ง และแพ้ในเกมที่นำก่อนถึง 6 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย

 

หลังจากที่ตกชั้นแล้ว พวกเขาเสียผู้เล่นไปอีกจำนวนมาก หลายคนเสียไปในมูลค่าที่ไม่คุ้มเท่าที่ควรได้ เนื่องจากการที่เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่ทีมจาก ‘พรีเมียร์ลีก’ อีกต่อไป จึงไม่มีข้อดึงดูดผู้เล่นที่อยากไปพรีเมียร์ลีก

 

โดยผู้เล่นหลักๆ ที่เลสเตอร์ต้องเสียไป เช่น เจมส์ เมดดิสัน (ที่ไปอยู่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์), ยูริ ตีเลอมันส์, คากลาร์ โซยุนชู, แดเนียล อมาร์เตย์ และตอนนี้มีข่าวว่าจะเสีย ฮาร์วี บาร์นส์ ด้วย

 

และถึงแม้ต๊อบ อัยยวัฒน์ สัญญาว่าจะพาทีมกลับพรีเมียร์ลีก แต่ความเป็นจริงแล้วพวกเขาพบเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อทีมบริหารจะต้องปรับตัวกับการที่มีรายรับและพลังซื้อที่น้อยลงอย่างมาก

 

ทำให้เป็นไปได้ว่า อาจต้องรออีกหลายปีกว่าที่เลสเตอร์ ซิตี้ จะสามารถขึ้นลีกสูงสุดของอังกฤษได้อีกครั้ง

 

การพบกันที่จุดเริ่มต้นของทั้งสองทีม

 

 

การมาพบกันในกรุงเทพฯ ของทั้งสองทีมจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ต้องการที่จะทดสอบแผน รวมถึงดูว่าผู้เล่นคนไหนจะอยู่ต่อในการทำทีมของปอสเตโคกลูในฤดูกาลหน้า และถ้าหากแพ้เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นทีม ‘ลีกแชมเปียนชิป’ ขึ้นมาจะดูแย่เอาได้ 

 

ส่วนเลสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาต้องการชัยชนะครั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจและปลุกสปิริตของทีมขึ้นมาอีกครั้งว่า พวกเขาสามารถกลับไปแข่งในพรีเมียร์ลีกได้หลังจากฤดูกาลที่น่าผิดหวังของพวกเขา

 

สรุปว่านี่เป็นเกมที่ทั้งสองทีมจะแพ้ไม่ได้

 

โดยแฟนกีฬาสามารถรับชมเกมได้ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

อ้างอิง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X