Topshop แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำจากอังกฤษ เตรียมปิดร้านสาขาทั้ง 11 แห่งในสหรัฐฯ หลัง Arcadia Group บริษัทแม่ในลอนดอนได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายต่อศาลสหรัฐฯ สืบเนื่องจากภาวะการแข่งขันสูงในตลาดค้าปลีกเสื้อผ้า หลังผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปช้อปปิ้งในร้านค้าออนไลน์มากขึ้น
Topshop เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นที่ถูกดิสรัปต์ในยุคดิจิทัล โดย Arcadia Group ระบุว่า หลังจากที่ยื่นล้มละลายแล้ว พวกเขามีแผนจะปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากคู่แข่งที่เป็นร้านค้าปลีกออนไลน์ ตั้งแต่ Amazon ไปจนถึงแบรนด์ใหม่น่าจับตาอย่าง Everlane
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทแม่ยังไม่ระบุเวลาว่าจะปิดร้านทั้งหมดในสหรัฐฯ เมื่อใด โดยปัจจุบัน Topshop มีร้านสาขาตามเมืองใหญ่ๆ ทั้งนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ลาสเวกัส แอตแลนตา ชิคาโก ฮิวสตัน ซานดิเอโก และไมอามี
แต่กระนั้น Arcadia Group ยืนยันว่า ถึงแม้จะปิดร้านแล้ว แต่ลูกค้ายังสามารถเลือกซื้อเสื้อผ้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในสหรัฐฯ ได้ต่อไป
นอกจาก Topshop ในสหรัฐฯ แล้ว Arcadia Group ยังดำเนินธุรกิจร้านค้าแบรนด์ Topshop, Burton, Dorothy Perkins, Evans, Outfit และอื่นๆ รวม 566 แห่งในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ แต่บริษัทมีแผนจะปิดร้านเหล่านั้นรวม 23 แห่ง
ในยุคดิสรัปชันมีร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจำนวนมากต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดออนไลน์ได้ โดยข้อมูลจาก Coresight Research ระบุว่า ในปี 2019 มีร้านค้าปลีกสหรัฐฯ กว่า 7,150 แห่งที่ประกาศปิดตัว ซึ่งมากกว่าปี 2018 ตลอดทั้งปีที่มีร้านปิดกิจการรวม 5,524 แห่ง ขณะที่ตัวเลขสูงสุดที่เคยบันทึกไว้คือปี 2017 ที่มีร้านค้าปลีกประกาศปิดตัวรวม 8,139 แห่ง อย่างไรก็ตามตัวเลขของปีนี้อาจเพิ่มสูงจนทำสถิติใหม่ เพราะยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งปี
เอียน แกรบิเนอร์ ซีอีโอของ Arcadia Group กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกกำลังเผชิญความท้าทายในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดออนไลน์ ทำให้บริษัทต้องคิดทบทวนอย่างจริงจัง และจะปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อให้กลุ่มบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Arcadia Group ได้ยื่นหนังสือล้มลายตามกฎหมายมาตรา 15 ของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์สินจากเจ้าหนี้ โดยบริษัทระบุในหนังสือขอล้มละลายว่ามีหนี้สินทั้งหมด 179 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีทรัพย์สินรวมมูลค่า 53 ล้านเหรียญสหรัฐ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
