ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ดในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ดิจิทัลครั้งสำคัญผ่านความร่วมมือกับ Google Cloud เปิดตัวนวัตกรรมแชทบอท AI เจเนอเรชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ‘Google Cloud’s Conversational Agents’
AI ดังกล่าวมาพร้อมฟีเจอร์ในการตรวจสอบสต็อกสินค้าภายในสาขาแบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรก ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเช็กความพร้อมของสินค้าที่สาขาใกล้บ้านได้ทันทีก่อนออกเดินทาง ลดความซ้ำซ้อนและเชื่อมต่อประสบการณ์ช้อปปิ้งระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ
สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล มองว่าเทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมค้าปลีกโลก ทั้งในด้านวิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและการมอบประสบการณ์ที่แม่นยำ สอดคล้องกับเทรนด์ ‘Hyper-personalization’ และการเสริมศักยภาพออมนิแชแนลที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดในอนาคต โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเติบโตด้าน AI ในธุรกิจค้าปลีกอย่างรวดเร็ว ซึ่งท็อปส์มุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อยกระดับความสะดวกสบายสูงสุดให้แก่ผู้บริโภค
ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จเดิม โดยมุ่งเน้นประโยชน์การใช้งานจริง ระบบสนทนาอัจฉริยะรุ่นใหม่สามารถส่งมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทั้งการติดตามสถานะคำสั่งซื้อ การค้นหาสาขา และการตรวจสอบสินค้าคงคลัง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าวางแผนการจับจ่ายได้แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในสาขา ลดภาระงานของพนักงานหน้าร้าน และทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อรรณพ ศิริติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูเกิล คลาวด์ ประเทศไทย ขยายความว่าความร่วมมือนี้สะท้อนศักยภาพของ ‘AI Agents’ ในการเปลี่ยนข้อมูลดิบให้เป็นประโยชน์ที่จับต้องได้สำหรับผู้บริโภค ทำให้ท็อปส์สามารถก้าวข้ามระบบอัตโนมัติแบบเดิมไปสู่การให้บริการที่รวดเร็วและชาญฉลาดขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างแม่นยำ พร้อมเชื่อมต่อประสบการณ์ลูกค้าในทุกช่องทางเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ด้านนวัตกรรมและผลตอบแทนทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย
ในเชิงเทคนิค อาชิช อโรรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ระบุว่าระบบถูกออกแบบโดยยึดประสบการณ์มนุษย์เป็นหลัก รองรับความซับซ้อนของภาษาไทยและสำเนียงท้องถิ่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนสนทนากับพนักงานจริง โดยระบบสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อและการตรวจสอบสต็อกได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรองรับการโต้ตอบที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้นับพันรายการในทันที
นอกเหนือจากการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภค นวัตกรรมนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในเชิงธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุนงานบริการลูกค้าและสร้างฐานข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งท็อปส์จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้วางกลยุทธ์ทางธุรกิจและเสริมความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สำหรับทิศทางในอนาคต ท็อปส์วางแผนที่จะขยายผลไปสู่การใช้ระบบ ‘Personalized Shopping Intelligence’ ในระยะถัดไป โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า เพื่อปรับโปรโมชันและคำแนะนำสินค้าให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการช้อปปิ้งของแต่ละบุคคล เป้าหมายคือการก้าวสู่การเป็นผู้ช่วยช้อปปิ้งอัจฉริยะที่สามารถตอบโจทย์และเข้าใจความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


