ท่ามกลางย่านนางลิ้นจี่ที่เต็มไปด้วยสีสันและความเคลื่อนไหว ไม่เพียงแค่มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้าดังอย่างท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่ ที่ได้แปลงโฉมเป็น ‘ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์’ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและความสงสัยให้กับผู้คนในย่านนี้อยู่ไม่น้อย
อะไรคือเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ของท็อปส์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและคู่แข่งในตลาดอย่างไร และท็อปส์คาดหวังอะไรจากการปรับโฉมครั้งนี้ เราจึงอยากจะชวนมาวิเคราะห์ไปพร้อมๆ กัน
ท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่ เปิดให้บริการมานานกว่าสองทศวรรษ แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ย่านนางลิ้นจี่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ มีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นและมีความต้องการสินค้าและบริการคุณภาพดีทั้งจากในประเทศและจากต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ท็อปส์ นางลิ้นจี่ จึงรู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถที่จะวางตัวเองเป็นแค่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตอบโจทย์คนในพื้นที่อีกต่อไป แต่ต้องยกตัวเองขึ้นมาเป็น ‘จุดหมาย’ ของการจับจ่ายสินค้าระดับพรีเมียมสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและมีรสนิยมในการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ
ข้อมูลเชิงลึกจากฐานลูกค้าของท็อปส์เองก็สะท้อนภาพนี้ได้อย่างชัดเจน ลูกค้ากว่า 75% ในย่านนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีความถี่ในการจับจ่าย 2-3 ครั้งต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนของลูกค้าชาวต่างชาติในพื้นที่ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า ท็อปส์จำเป็นต้องยกระดับตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนไปให้ได้มากที่สุด
การเปลี่ยนแปลงของท็อปส์เดิมมาสู่ ‘ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์’ จึงเป็นการปรับตัวเชิงรุกเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า โดยโฉมใหม่มาพร้อมกับคอนเซปต์ ‘Truly World Class’ ที่เน้นการนำเสนอสินค้าพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 30,000 รายการ มีการปรับวางเลย์เอาต์พื้นที่และการจัดวางสินค้าใหม่ด้วยการนำเสนอสินค้าแบบ Room Concept สำหรับหมวดสินค้าประเภทต่างๆ ถึง 15 Room Concept เช่น Snacker, Looks, Healthiful, Baby & Me หรือ PET ‘N ME เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการเลือกซื้อมากขึ้น
นอกจากนี้ท็อปส์ยังใช้ข้อมูลลูกค้า CRM เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่อย่างละเอียด ทำให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น การเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Snack และผักผลไม้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ และการนำเสนอสินค้าภายใต้แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้ามากกว่า 50% รวมถึงเพิ่มสินค้ากลุ่มอื่นๆ รวมทั้งสิ้นอีกกว่า 7,000 รายการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายไปพร้อมๆ กับการปรับโฉมในครั้งนี้อีกด้วย
อีกทั้งการที่ลูกค้า The 1 สร้างยอดขายให้กับท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่ ถึง 80% สะท้อนให้เห็นถึงความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ และยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ท็อปส์เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจในยุคที่ข้อมูลมีค่าดั่งทองคำ และทำให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากกว่าอดีต
การเปิดตัวท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่ ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ แต่ยังได้ซ่อนนัยทางธุรกิจและเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตของท็อปส์ในตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีการแข่งขันที่รุนแรง
สะท้อนจากบทวิจัยของวิจัยกรุงศรีชี้ว่า ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตมีอัตราการเติบโตของยอดขายในแต่ละปีสูงสุดเมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกประเภทอื่น เนื่องจากจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
ในขณะที่คู่แข่งหลายรายกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายสาขาและการลดราคาเพื่อจูงใจลูกค้า ท็อปส์เลือกที่จะสร้างความแตกต่างด้วยการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพและประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งการปรับโฉมท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่ เป็นท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ซึ่งเป็นฟอร์แมตพรีเมียมของท็อปส์ จึงเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าท็อปส์พร้อมที่จะลงทุนเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งต้องการสินค้าพรีเมียม นำเข้า และเอ็กซ์คลูซีฟจากทั่วโลก
การปรับโฉมครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายของท็อปส์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของท็อปส์ในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีกพรีเมียมในประเทศไทย นอกจากนี้การมีสาขาท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ในย่านสำคัญยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูพรีเมียมและน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ปัจจุบัน ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ มีสาขาทั้งหมด 20 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทำเลที่เปิดนั้นจะเป็นพื้นที่ใน Prim Area และ Tourist Destination ด้วยเหตุนี้ถ้าเป็นกรุงเทพฯ จะเป็นพื้นที่ย่านคนเมือง ศูนย์กลางการค้าเศรษฐกิจ ถ้าในต่างจังหวัดจะอยู่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ สมุย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและลูกค้าต่างชาติที่มีความต้องการสินค้าพรีเมียม
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจในตลาดพรีเมียมก็มีความท้าทายอยู่ไม่น้อย ทั้งในเรื่องของการรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการ การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และการปรับตัวให้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การที่กลุ่มลูกค้าในพื้นที่นางลิ้นจี่มีชาวต่างชาติเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ท็อปส์ต้องคำนึงถึงในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้
อีกเรื่องที่ต้องจับตาคือการขยายตัวของท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ จะส่งผลกระทบต่อตลาดค้าปลีกรวมอย่างไร นี่คือคำถามที่น่าสนใจและต้องติดตามต่อไปในอนาคต ซึ่งการปรับโฉมท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส นางลิ้นจี่ อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดค้าปลีกพรีเมียม และเราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าท็อปส์จะมีกลยุทธ์อะไรมาเซอร์ไพรส์เราอีกในอนาคต
