I, Tonya เป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับ เครก กิลเลสปีย์ (Craig Gillespie) เล่าประวัติชีวิตของ ทอนยา ฮาร์ดิง (Tonya Harding) นักกีฬาสเกตน้ำแข็งชื่อดังชาวอเมริกันที่โด่งดังจากคดีลอบทำร้ายคู่แข่งในปี 1994 ทำให้ชื่อเสียงของเธอถูกเปลี่ยนจาก ‘ทอนยา ฮาร์ดิง นักกีฬาสเกตน้ำแข็งหญิงคนแรกของโลกที่สามารถทำท่า Triple Axel บนลานสเกตได้’ กลายเป็น ‘ทอนยา ฮาร์ดิง นักกีฬาสเกตน้ำแข็งที่ลอบทำร้ายคู่แข่งของตัวเอง’
แม้ว่าเธอจะมีความสามารถบนลานสเกตแบบปฏิเสธไม่ได้ แต่ I, Tonya ก็นำเสนอเธอในฐานะเด็กสาวหยาบกระด้าง ชีวิตมีปม แม่ ‘ลาโวนา โกลเดน’ (อัลลิสัน แจนนีย์) ก็สุดโหด มีปัญหาชีวิตคู่กับ ‘เจฟ กิลลูรี’ (เซบาสเตียน สแตน) แถมชีวิตการทำงานก็พังลงเพราะคดีดังกล่าว ซึ่งการนำเสนอเธอในภาพลักษณ์แรงๆ ร้ายๆ แบบนี้ ทำให้ I, Tonya เป็นหนังที่สนุกทุกพาร์ตตั้งแต่ต้นจนจบ
Photo: encrypted-tbn0.gstatic.com
Breaking the Fourth Wall
I, Tonya เข้าชิงออสการ์สาขา Best Film Editing ด้วยลีลาการตัดสลับไปมา ปูประวัติตั้งแต่เด็กจนโตของเธอแบบไม่มีจังหวะพักของ Tatiana S. Riegel ที่เคยฝากผลงานไว้กับ The Way Way Back ปี 2013 และ Lars and the Real Girl ปี 2007 (และที่พีกคือเธอเป็นหนึ่งในฝ่ายตัดต่อภาพยนตร์ของ Pulp Fiction ด้วย)
แต่ที่ดึงดูดใจคนดูที่สุดน่าจะเป็นการ Breaking the Fourth Wall ที่ถูกใช้ใน I, Tonya หรือการให้ตัวละครในภาพยนตร์รู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในภาพยนตร์ ผ่านการกระทำต่างๆ เช่น หันมามองที่เลนส์กล้อง หรือพูดสื่อสารกับคนดูผ่านกล้องโดยตรง ซึ่งยิ่งเพิ่มความสนุกให้กับตัวหนังอย่างมาก แม้ว่าตอนต้นเรื่องจะเปิดมาด้วยอารมณ์เทปสัมภาษณ์ของจริงเฟรมสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ก็จับมาผสมกับกิมมิกที่ย้ำความไม่จริงอย่างการ Breaking the Fourth Wall ได้อย่างลงตัว
Photo: somervilletheatre.com
The Controversy
แน่นอนว่าการแปะหัวเรื่องแบบ Based on a True Story มันมักจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ดูน่าสนุก น่าตื่นเต้นขึ้นอยู่แล้ว แต่การหยิบยก True Story ที่เป็นที่ถกเถียง และเป็นประเด็นรุนแรงถึงขั้นลงข่าวและโด่งดังไปทั่วโลก มันยิ่งทำให้หนังสนุกเข้าไปใหญ่ เพราะถึงแม้ในภาพยนตร์จะค่อนข้างเล่าให้ทอนยาเป็นนางเอก มีเหตุผลในการกระทำทุกอย่าง และจบลงแบบเทาๆ ไม่ได้ถูกผิดชัดเจนให้คนดูเข้าใจได้ แต่ในข่าวจริงๆ แล้วก็ยังมีอีกหลายเสียงที่บอกว่าทอนยานั่นแหละตัวบงการจริงๆ เธอทำผิดจริงๆ ด้วยการสั่งให้คนไปลอบทำร้ายเพื่อนที่เป็นคู่แข่งในสนามสเกต และ I, Tonya กลายเป็นความฝันที่เป็นจริงของเจ้าตัวทอนยาเลย เพราะใครที่เพิ่งมารู้จักเธอจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงมองว่าเธอไม่ผิด เธอเก่งและเท่ จนยอมให้อภัยความหลังที่เคยเกิดขึ้นไป
Margot Robbie vs. Allison Janney
สมกับการที่นักแสดงหญิง มาร์โกต์ ร็อบบี้ (Margot Robbie) และ อัลลิสัน แจนนีย์ (Allison Janney) ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ทั้งสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
มาร์โกต์ ร็อบบี้ นักแสดงสาวชาวออสซี่ที่ดูจะได้รับแต่ได้บทสวย เซ็กซี่ จนเราติดภาพเธอแบบดาราสาวที่สวยมากๆ แต่เมื่อเธอได้รับบทเป็นทอนยาที่มาจากต่างจังหวัด และครอบครัวที่ไม่มีฐานะ เธอก็ทำให้เราสะบัดภาพที่เคยมองเธอไว้ออกจนหมด อีกทั้งคาแรกเตอร์ของอัลลิสัน แจนนีย์ ที่รับบทเป็นลาโวนา แม่ของทอนยา ก็ดีเสียจนเราคิดว่าคาแรกเตอร์นี้ต้องกลายเป็นไอคอนของวงการหนังอีกคนแน่ๆ และทำให้เราหลงรักเธอมากๆ ทั้งคู่มีจังหวะที่เฉียบคม และฝีมือการแสดงที่หาใครมาแทนไม่ได้จริงๆ
อีกทั้งฟุตเทจตอนจบที่เปรียบเทียบวิดีโอสัมภาษณ์ของจริงกับซีนในหนัง ที่ทำให้เห็นว่านักแสดงทุกคนแสดงได้เหมือนเป๊ะๆ จนน่าขนลุก มีบทสัมภาษณ์ของมาร์โกต์ ร็อบบี้ ที่เธอเล่าว่าตอนเธอได้สคริปต์ I, Tonya มาอ่านครั้งแรก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือเรื่องจริง นึกว่าเป็นเรื่องแต่งที่สนุกมากๆ เรื่องหนึ่ง
Kick-Ass Playlist
เพลงที่ใช้ใน I, Tonya มาถูกจังหวะ และทำให้เราอยากเต้นตามเธอไปด้วย ด้วยกลิ่นอายเรโทรไปจนถึงเพลงประกอบการแข่งกีฬาสเกตน้ำแข็งน่าเบื่อๆ ที่ถูกเพิ่มซาวด์แผ่นมีดจากรองเท้าสเกตเข้าไป ยิ่งทำให้ซีนนั้นๆ น่าตื่นเต้นและจับใจคนดู เราได้ยินเพลงดังๆ อย่าง 25 or 6 to 4 จาก Chicago, How Can You Mend a Broken Heart ของ Chris Stills, The Chain จาก Fleetwood Mac ไปจนถึงเพลงที่เราไม่คิดว่าจะเวิร์กและเข้ากับหนัง แต่มันกลับทำงานดีมากๆ กับซีนที่ใช้ประกอบอย่าง Dream a Little Dream of Me เวอร์ชันของ Doris Day ฟีเจอริง Paul Weston ออกจากโรงมาต้องรีบไปหาเพลย์ลิสต์เพลงประกอบ I, Tonya มาเปิดฟัง
ซูซาน จาคอบส์ (Susan Jacobs) Music Director ของ I, Tonya ให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly ว่า กว่าเธอจะได้ลิขสิทธิ์และหาศิลปินมาทำเพลงให้ I, Tonya ก็ยากหน่อย เพราะเมื่อศิลปินรู้ว่ากำลังจะทำหนังชีวประวัติ ทอนยา ฮาร์ดิง หลายๆ คนก็ปฏิเสธว่า ‘No, Thank you.’
ไม่ว่าคุณจะเคยรู้จัก ทอนยา ฮาร์ดิง มาก่อนหรือไม่ และไม่ว่าข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวใครจะเป็นคนผิด แต่ I, Tonya ก็เป็นหนังที่โคตรสนุกสำหรับทุกคน และอาจจะสนุกที่สุดบนเวทีออสการ์ปีนี้ก็เป็นได้
