เครื่องบิน C-130 Hercules ของกองทัพอากาศนิวซีแลนด์เดินทางถึงตองกาแล้วในวันนี้ (20 มกราคม) เช่นเดียวกับเครื่องบินขนส่งทางทหาร Australian Globemaster ของออสเตรเลีย นับเป็นเครื่องบินที่ลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชุดแรกที่เดินทางถึงหลังจากที่ตองกาได้รับผลกระทบจากการปะทุของภูเขาไฟและคลื่นสึนามิที่สร้างความเสียหายแก่ชุมชนและทำให้น้ำดื่มเกิดการปนเปื้อน
โดย นานายา มาฮูตา รัฐมนตรีต่างประเทศของนิวซีแลนด์ระบุในแถลงการณ์ว่า อากาศยานของนิวซีแลนด์นั้นลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและสิ่งบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งรวมถึงที่พักพิงชั่วคราว, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า, ชุดสุขอนามัยและครอบครัว และอุปกรณ์ด้านการสื่อสาร
ส่วน ปีเตอร์ ดัตตัน รัฐมนตรีกลาโหมของออสเตรเลียก็ระบุในแถลงการณ์ว่า อากาศยานของออสเตรเลียลำเลียงสิ่งของต่างๆ ทั้งอุปกรณ์ผลิตน้ำจืด ที่พักพิง ห้องครัว และเครื่องกวาดพื้นเพื่อช่วยขจัดขี้เถ้าออกจากสนามบิน ซึ่งปีเตอร์ระบุว่า การบินมายังตองกาได้สำเร็จนั้นมาจากความพยายามของเจ้าหน้าที่ตองกาที่ขจัดเถ้าภูเขาไฟซึ่งมีความหนาออกจากรันเวย์ นอกจากนี้อากาศยานลำที่สองจากออสเตรเลียยังมีกำหนดทำการบินมายังตองกาในวันพฤหัสบดีอีกด้วย
การจัดส่งสิ่งของโดยเครื่องบินทั้งสองลำนั้นอาศัยวิธีการแบบไร้สัมผัส (Contactless) เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิดบนเกาะ
นอกจากนี้ทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังส่งความช่วยเหลือผ่านทางทะเลด้วย โดยเรือลำแรกของกองทัพเรือนิวซีแลนด์เดินทางถึงตองกาแล้วเพื่อสำรวจช่องทางการขนส่งและท่าเทียบเรือ เพื่อเตรียมการสำหรับการมาถึงของเรือลำที่สองในวันศุกร์ ซึ่งจะขนส่งน้ำกว่า 250,000 ลิตร และระบบผลิตน้ำจืดที่ผลิตได้ 70,000 ลิตรต่อวัน ด้านเรือบรรเทาทุกข์ทางทหารของออสเตรเลีย HMAS Adelaide ก็พร้อมอยู่ที่เมืองบริสเบนเช่นกัน เจ้าหน้าที่ของออสเตรเลียกล่าวว่าถือเป็น ‘ความหวังและความตั้งใจ’ ของออสเตรเลียที่เรือดังกล่าวจะออกเดินทางสู่ตองกาในวันศุกร์นี้ เรือของออสเตรเลียจะบรรทุกอุปกรณ์ทำน้ำให้บริสุทธิ์ สิ่งของเพื่อมนุษยธรรมเพิ่มเติม รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ชีนุกจำนวน 2 ลำ นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆ อย่าง ญี่ปุ่น จีน และฝรั่งเศส ที่ประกาศให้ความช่วยเหลือเช่นกัน
การปะทุของภูเขาไฟเมื่อวันเสาร์ (15 มกราคม) ทำให้เกิดสึนามิถล่มบ้านเรือนจำนวนมากและทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง รวมถึงมีผู้เสียชีวิต 3 คนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ รัฐบาลตองการะบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในระดับชาติเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน นอกจากนี้การปะทุของภูเขาไฟดังกล่าวยังพ่นเศษซากขึ้นไปในอากาศ ทำให้เกิดเถ้าถ่านสะสมตลอดจนฝนกรดทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำอย่างรุนแรง องค์การสหประชาชาติประมาณว่ามากกว่าร้อยละ 80 ของประชากรบนหมู่เกาะแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว และการประเมินเบื้องต้นชี้ว่าตองกาต้องการน้ำดื่มอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ยังมีความกังวลถึงการขาดแคลนอาหารด้วย โดย ฟาตาเฟฮี ฟากาฟานูอา ประธานสภานิติบัญญัติของตองกายังระบุว่าการทำเกษตรทั้งหมดยังได้รับความเสียหาย
ภาพแรกๆ ที่ปรากฏออกมาจากเมืองนูกูอาโลฟา เมืองหลวงของตองกา หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเผยให้เห็นอาคารที่ถูกปกคลุมด้วยเถ้า ผนังที่ถูกโค่น และถนนที่เกลื่อนไปด้วยก้อนหิน ลำต้นของต้นไม้และเศษซากอื่นๆ
ทั้งนี้ เจ้าของสายเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลเพียงแห่งเดียวของหมู่เกาะแห่งนี้ระบุว่า การเชื่อมต่อโทรศัพท์ระหว่างตองกากับโลกภายนอกกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้งเมื่อวันพุธ (19 มกราคม) ที่ผ่านมา แต่การกู้คืนบริการอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบอาจใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน
ภาพ: LACW Kate Czerny/Australian Defence Force via Getty Images
อ้างอิง:
