วันนี้ (2 กันยายน) การแข่งขันวีลแชร์เรซซิง กีฬา ‘พาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020’ ที่โอลิมปิกสเตเดียม กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไฮไลต์วันนี้อยู่ที่นักวีลแชร์เรซซิงไทย ที่กวาดไปแล้ว 3 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ลงแข่งขัน 2 รายการคือ วีลแชร์ 800 เมตรชาย คลาส T53 และวีลแชร์ 800 เมตรชาย คลาส T54 ซึ่งในช่วงเช้าเป็นการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อหานักกีฬาที่ทำเวลาผ่านเกณฑ์ควอลิฟายเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในช่วงเย็น
รอบคัดเลือกแข่งขันกันท่ามกลางพื้นสนามที่เปียกแฉะหลังจากมีสายฝนโปรยปรายลงมาในช่วงเช้าที่กรุงโตเกียว นักวีลแชร์เรซซิงไทยทำเวลาผ่านเกณฑ์เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแบบ 100% เต็มครบทั้ง 6 คนที่ลงแข่ง โดยคลาส T53 ได้แก่ กร-พงศกร แปยอ ที่คว้าไปแล้ว 2 เหรียญทองในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้, เชษฐ์-พิเชษฐ์ กรุงเกตุ และ มะสบือรี อาแซ ส่วนคลาส T54 ได้แก่ ประวัติ วะโฮรัมย์ เจ้าของ 7 เหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ วัย 40 ปี, เจ-ภูธเรศ คงรักษ์ และ สายชล คนเจน
เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ คลาส T53 ซึ่งฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่องจากช่วงเช้า พงศกรออกนำตั้งแต่ออกสตาร์ท ตามาด้วยคู่ปรับ เบรนต์ ลากาตอส จากแคนาดา พงศกรโดนแซงหลังครบ 400 เมตร แต่ก็แซงคืนได้ ก่อนจะเร่งสปีดเข้าเส้นชัยคนแรก คว้าเหรียญทองที่ 3 ให้กับตัวเองด้วย สถิติ 1 นาที 36.07 วินาที ทำลายสถิติพาราลิมปิกเกมส์ของ หลี่ฮูเฉา จากจีน ที่ทำไว้ 1 นาที 36.30 วินาที เมื่อปี 2008 ส่วนเบรนต์ ลากาตอส จากแคนาดา เข้าที่ 2 คว้าเหรียญเงินไปครอง ขณะที่พิเชษฐ์ กรุงเกตุ ทำเวลา 1 นาที 40.09 วินาที จบอันดับ 5 และ มะสบือรี อาแซ ทำเวลา 1 นาที 42.09 วินาที จบอันดับ 7
หลังการแข่งขันจบลง พงศกรเปิดใจว่า เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ ที่คว้าเหรียญทองในรายการ 800 เมตร มาครองได้อีกเหรียญ และเป็นเหรียญที่ 3 ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าก่อนมาตนไม่ตั้งความหวังไว้ว่าจะได้มากขนาดนี้ เพราะก่อนมาตั้งเป้าหมายไว้แค่ต้องการเหรียญทอง และขอทำลายสถิติโลกรายการ 400 เมตร ซึ่งเป็นรายการความหวังของตนแค่นั้นก็พอ แต่มาได้ถึง 3 เหรียญทอง ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากๆ กับการฝึกซ้อมมานานเป็นปี
“การฝึกซ้อมที่ยาวนานต่อเนื่องทำให้ผมมีความรู้สึกอัดอั้นมากๆ เพราะฝึกซ้อมอย่างเดียว ไม่ได้ออกไปแข่งขันในรายการต่างประเทศเลยในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกว่ามีความกระหายอยากที่ลงแข่งขัน และอยากชนะในทุกๆ รายการที่ลงแข่งขัน ทำให้ครั้งนี้เลยมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี คนที่ทำให้ผมมาถึงวันนี้ได้คือ โค้ช พี่ๆ น้องๆ ทีมวีลแชร์เรซซิง รวมถึงครอบครัวผม ที่เป็นกำลังใจให้กับผมมาตลอด และที่ขาดไม่ได้คือ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, พาราลิมปิกไทย, สมาคมกีฬาคนพิการฯ รวมไปถึงแฟนกีฬาชาวไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้พวกเรามาตลอด” พงศกรกล่าว
การคว้าเหรียญทองครั้งนี้ส่งผลให้พงศกรเป็นนักกีฬาพาราลิมปิกไทยคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ถึง 3 เหรียญจากการแข่งขันพาราลิมปิกครั้งเดียว ทำให้ยอดเหรียญทองพาราลิมปิกของพงศกรเพิ่มเป็น 5 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน จากการแข่งขันพาราลิมปิกเพียง 2 ครั้ง
สำหรับพงศกร วัย 24 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดขอนแก่น เกียรติประวัติ 2 เหรียญทองจากริโอเกมส์ 2016 รายการ 400 เมตรชาย คลาส T53 และ 800 เมตรชาย คลาส T53 และยังเคยเป็นแชมป์โลก 400 เมตรชาย คลาส T53 เมื่อปี 2019 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย
พงศกรเป็นโปลิโอขาทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด และเริ่มเล่นกีฬาวีลแชร์เรซซิงตั้งแต่อายุได้ 13 ปี โดยมีอาจารย์ สากล ทัพสมบัติ ที่ชักชวนให้ไปแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 นครสุโขทัยเกมส์ เมื่อปี 2009 และประเดิมด้วยการคว้าเหรียญทองแดงวีลแชร์เรซซิง ประเภท 100 เมตร กับ 400 เมตร
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางทีมชาติของพงศกรได้ ประวัติ วะโฮรัมย์ และ เรวัตร์ ต๋านะ 2 นักวีลแชร์ดีกรีทีมชาติไทยให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเล่นกีฬา ประวัติและเรวัตร์ได้มอบรถวีลแชร์ที่เคยใช้และสภาพยังดีอยู่ให้พงศกรเพื่อเข้าแข่งขันรายการต่างๆ จนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
ทั้งนี้ จากการคว้าเหรียญทองที่ 3 ให้กับตัวเอง พงศกรจะได้รับเงินรางวัลตอบแทนความสำเร็จจากรัฐบาลไทยผ่านทางกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตามหลักเกณฑ์ โดยพงศกรมีสิทธิ์เลือกรับเงินรางวัล 2 เงื่อนไขตามที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติระบุในประกาศ เงื่อนไขแรก เหรียญทอง จะได้รับเงินอัดฉีด 7.2 ล้านบาท, เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท โดยเงื่อนไขนี้จะแบ่งจ่าย ซึ่งจ่ายเป็นก้อนให้นักกีฬาก่อนในอัตราร้อยละ 50 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 จะจ่ายเป็นรายเดือน ภายในระยะเวลา 4 ปี
ส่วนเงื่อนไขที่สอง จ่ายครั้งเดียวเป็นก้อนเดียว แต่จะได้รับในอัตราที่น้อยลง โดยเหรียญทองจะได้รับเงินรางวัลทั้งสิ้น 6 ล้านบาท, เหรียญเงิน 4 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 2.5 ล้านบาท
สรุปรวม 3 เหรียญทอง รับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นเงิน 21.6 ล้านบาท