สาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (บลจ.ทิสโก้) กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงจากหลากปัจจัย โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีน ซึ่งบลจ.ทิสโก้มองว่าเป็นปัจจัยที่เข้ามากระทบสั้น ใกล้เคียงกับการแพร่ระบาดของโรคอื่นๆ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาวในกลุ่มหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนด์อย่างหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในจีน เพราะธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูงจากความต้องการใช้งานของผู้บริโภคทั้งในจีนและทั่วโลก ถือเป็นเมกะเทรนด์ ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นเทคโนโลยีจีนย่อตัวจากปัจจัยเชิงลบระยะสั้น
ยกตัวอย่าง 3 บริษัทเทคโนโลยีจีน ได้แก่
- กลุ่ม ‘BAT’ ประกอบด้วย Baidu ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และเสิร์ชเอนจินรายใหญ่ จะมีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- Alibaba ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อสินค้าออนไลน์ จะมีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 158% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- Tencent เจ้าของแอปพลิเคชัน WeChat ที่เป็นเจ้าตลาดในธุรกิจ Social Network และเกมออนไลน์ จะมีอัตรากำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ ทั้ง 3 บริษัทมีจุดที่น่าสนใจ เพราะปัจจุบันราคาซื้อขายอยู่ในระดับราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งการเติบโตของอัตรากำไรต่อหุ้นทั้ง 3 บริษัทยังอยู่ในทิศทางเดียวกับกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีจีนที่อยู่ในดัชนี MSCI China Information Technology (MXCNOIT) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตของกำไรของหุ้น ทั้งดัชนี MXCNOIT ในปี 2563 จะเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปี 2564 จะเพิ่มขึ้นอีก 21% ขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นในดัชนี MXCNOIT ก็ซื้อขายอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากเทคโนโลยี 5G ที่จีนที่มากขึ้น ขยายธุรกิจใหม่ได้มากขึ้น เช่น การควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน การจำลองสินค้าและสภาพแวดล้อมเสมือนจริงในแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ รถยนต์ไร้คนขับ รวมไปถึงนวัตกรรมสำหรับการควบคุมสิ่งต่างๆ ในระยะไกลแบบเรียลไทม์
ทั้งนี้ บลจ.ทิสโก้ เปิดเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า เทคโนโลยี อิควิตี้ (TCHTECH) ความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ผ่านกองทุน ETF Invesco China Technology (กองทุนหลัก) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 11-18 กุมภาพันธ์ 2563
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
