เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 1.81 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2%QoQ และ 1%YoY) และกำไรสุทธิปี 2565 จำนวน 7.22 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6%) เป็นไปตามคาด โดยสรุปรายการสำคัญได้ดังนี้:
- คุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วน NPL อยู่ในระดับทรงตัว QoQ Credit Cost เพิ่มขึ้น 47 bps QoQ สู่ 0.7% ใน 4Q65 Credit Cost ปี 2565 อยู่ที่ 0.34% (ลดลง 62 bps) ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 248% ณ 3Q65 สู่ 259% ณ 4Q65
- การเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้น 3%QoQ และ 8%YoY การเติบโตของสินเชื่อใน 4Q65 ได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากสินเชื่อธุรกิจ (เพิ่มขึ้น 1.3%QoQ และ 23.9%YoY) สินเชื่อ SMEs ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (เพิ่มขึ้น 17.4%QoQ และ 68.8%YoY) และสินเชื่อ Auto Cash (เพิ่มขึ้น 4.8%QoQ และ 14.8%YoY) ในขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อกลับมาเติบโตที่ 1.1%QoQ (ลดลง 1.9%YoY) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังคงหดตัว 3.6%QoQ (ลดลง 14.3%YoY)
- NIM ลดลง 1 bps QoQ เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 11 bps QoQ ถูกหักล้างโดยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 15 bps QoQ
- Non-NII เพิ่มขึ้น 22%QoQ ตามฤดูกาล (รายได้ค่าธรรมเนียม กำไรจาก FVTPL และรายได้อื่น) แต่ลดลง 13%YoY (รายได้ค่าธรรมเนียม) รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 8%QoQ ตามฤดูกาล แต่ลดลง 20%YoY ใน 4Q65 ส่งผลทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมปี 2565 ลดลง 10%
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 201 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 134 bps YoY)
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ ราคาหุ้น TISCO ปรับเพิ่มขึ้น 0.98%DoD สู่ระดับ 103.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.01%DoD สู่ระดับ 1,685.00 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและแนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 8% (หลักๆ เกิดจากปรับประมาณการ Credit Cost) โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 5% TISCO คาดว่า Credit Cost จะยังอยู่ในระดับต่ำในปี 2566 เนื่องจาก LLR Coverage ระดับสูงที่ 259% สะท้อนความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการขยายสินเชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5-10% ในปี 2566 โดยจะเน้นกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกัน โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนและ Auto Cash ที่ให้ผลตอบแทนสูง และจะกลับมาขยายสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาสมเหตุสมผลมากขึ้นจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
InnovestX Research คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 8% NIM จะลดลง 20 bps (เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps) Credit Cost จะลดลง 4 bps สู่ 0.3% และ Non-NII จะเพิ่มขึ้น 4%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนให้เรตติ้ง NEUTRAL สำหรับ TISCO ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 103 บาท สู่ 105 บาทต่อหุ้น (1.9 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2566) ขณะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจ เมื่อใช้สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผล 85% คาดว่าเงินปันผลปี 2565 จะอยู่ที่ 7.7 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 7.55%
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการปรับอัตรานำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯ ความเสี่ยง Downside ต่อคุณภาพสินทรัพย์จากแรงกดดันเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึงผลกระทบจาก FinTech
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่
- 9 หุ้นสุดฮอต ค่า P/E Ratio สูงทะลุ 500 เท่า
- เช็ก! 10 หุ้น SETHD จ่ายเงินปันผลสูง