ถ้าเราเจอกันอีก (Until Then) จาก เติร์ด, บิลลี่, ไมโล วง Tilly Birds เป็นเพลงลำดับสุดท้ายจากอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 It’s Gonna Be OK ปล่อยมาเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่เพิ่งมีมิวสิกวิดีโอให้ชมกันพร้อมงานเปิดตัวอัลบั้มเมื่อ 2 เมษายนที่ผ่านมา
หากวัดความสำเร็จด้วยตัวเลข ยอดรวม 80 ล้านวิวบน YouTube ทั้งเวอร์ชัน Lyrics Video และ Cinematic Virtual Concert ก็คงยืนยันได้เต็มที่แล้วว่าเพลงนี้ได้รับความรักไม่น้อยไปกว่าซิงเกิลก่อนหน้า แถมการันตีด้วยรางวัลสาขา Best Song of the Year จากเวที TOTY Music Awards 2021 ซึ่งพวกเขาก็ได้กวาดมาอีก 4 รางวัล
บนเวทีเดียวกันนั้น มีผู้กำกับเจ้าของรางวัลสาขา Best Music Video of the Year จากเพลง ส่งเธอได้เท่านี้ (Goodbye) – LOMOSONIC อย่าง นรา-นราธิป ไชยณรงค์ มาทำหน้าที่กำกับมิวสิกวิดีโอเพลง ถ้าเราเจอกันอีก ให้ด้วย
เนื้อเพลงเป็นฝีมือเติร์ด ร่วมกับ Chamil Arin และ BABEPOOM เขียนขึ้นจากเหตุการณ์อ่อนไหวที่เติร์ดสูญเสียคุณพ่อและคุณแม่ไปในเวลาไล่เลี่ยกัน มิวสิกวิดีโอจึงเลือกเล่าเรื่องครอบครัวหนึ่ง เปิดมาด้วยภาพขาวดำกับฉากพ่อแม่ลูกกำลังเล่นซ่อนแอบ แต่เมื่อลูกลืมตาขึ้นมาก็พบว่าพ่อแม่หายตัวไปทั้งคู่ โดยข้าวของยังวางอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง
หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ต้องใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ในบ้านหลังใหญ่ เขาเติบโตเกินเส้นวัดส่วนสูง 120 เซนติเมตรบนเสาบ้านไปมากโข และได้เข้าใจความจริงว่าจะไม่มีวันหาพ่อแม่เจออีกแล้ว
“แม้ว่าเธอไม่หวนคืนกลับมา
ขอแค่เธอไม่ลืมช่วงเวลาที่มีความหมาย”
จู่ๆ เขาก็พบกับเด็กสองคนในชุดคล้ายพ่อแม่ของเขาและทำกิจวัตรต่างๆ ด้วยกัน ภาพทั้งหมดล้วนซ้อนทับกับความทรงจำในวันวานของตัวเขาเอง ฉากหนึ่งที่เราประทับใจเป็นพิเศษคือการเล่นเป็นเครื่องบินซึ่งน่าจะรีเลตกับหลายคนไม่น้อย เราเคยรู้สึกตัวเล็กพอที่จะสนุกกับมันได้นานสองนานโดยไว้ใจว่าจะมีแขนขาของพ่อแม่ประคองไปตลอด แต่อย่างไรแล้วทุกคนก็ต้องผละจากสัมผัสนั้นด้วยแรงส่งของพวกเขา แล้วออกโบยบินด้วยปีกของตัวเองในวันหนึ่งอยู่ดี
ฉากนี้มาพร้อมกับเสียงร้องประสานและดนตรีค่อยๆ ส่งเข้าฮุกสุดท้ายรับกับเสียงร้องทรงพลังของเติร์ด ถ้าใครได้ฟังเวอร์ชัน Live เติร์ดเพิ่มความพิเศษด้วยการร้องไล่สเกลซึ่งถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้จับใจมากๆ
อีกฉากคือสัญญะของเลโก้จากฉากแรกที่ยังต่อไม่เสร็จดี ในภาพทรงจำย้อมสีสันช่วงท้ายๆ ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้กลับมาช่วยกันต่อมันขึ้นมาเป็นบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ เรื่องของเลโก้ทำให้นึกถึงบทสัมภาษณ์ของเติร์ดกับ THE STANDARD POP เติร์ดเล่าว่ามีพ่อแม่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาตลอด เขาเป็นเหมือนเลโก้ที่พ่อแม่ตั้งใจต่อขึ้นมากว่า 25 ปี จนมาวันนี้เขายืนได้ด้วยตัวเองแล้ว (ชมบทสัมภาษณ์ของเติร์ดในรายการ The Breakfast Club ที่ www.youtube.com/watch?v=30GzCvsBeNQ)
“เราจะทำให้ความคิดถึงของเราไปให้ถึงทั้งป๊าและแม่ให้ได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน
“จะทำให้พวกเขาเห็นให้ได้ว่าเราจะแข็งแกร่งพอที่มีชีวิตเป็นของตัวเอง และจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานให้ได้ เพื่อให้เขาภูมิใจที่สุด”
เสริมด้วยอีกข้อความของเติร์ด ที่ถึงวันนี้ก็พูดได้เต็มปากแล้วว่าผลงานของวง Tilly Birds ประสบความสำเร็จด้วยศักยภาพของทั้งสามคน และมีคนอีกมากมายเป็นลมใต้ปีกส่งแรงให้เติร์ด บิลลี่ และไมโล โบยบินไปได้อย่างมั่นคงอีกไกลกว่านี้จริงๆ
นอกจากคำถามเปี่ยมความหวังว่าจะได้เจอกับคนที่ไม่หวนคืนกลับมาแล้ว เชื่อว่าคนฟังน่าจะได้รับสารอีกอย่างจากเพลงที่เตือนเราว่าชีวิตทุกคนมีพบมีพราก ไม่มีการโอน้อยออกให้เลือกว่าใครจะหายไปก่อน ไม่มีคำบอกล่วงหน้าว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้าย สิ่งที่พอทำได้ก็คือเก็บเกี่ยวช่วงเวลาร่วมกันเอาไว้ให้ดีที่สุด ก่อนใครบางคนต้องเดินทางจากลาไปตลอดกาล
และนี่คือ ถ้าเราเจอกันอีก จากวง Tilly Birds เพลงแห่งปีที่ปิดท้ายอัลบั้มแห่งปี It’s Gonna Be OK ของพวกเขาได้อย่างงดงาม
รับชมมิวสิกวิดีโอได้ที่
ภาพ: Tilly Birds
อ้างอิง: