Bloomberg เปิดเผยโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า TikTok บริษัทลูกในเครือของ ByteDance ตั้งเป้าที่จะขยายตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (TikTok Shop) ในสหรัฐอเมริกาเป็น 10 เท่า โดยมูลค่าที่คาดไว้คือประมาณ 17,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแผนการนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นภัยคุกคามและโจทย์ที่ท้าทายขึ้นสำหรับบริษัทเจ้าตลาดท้องถิ่นอย่าง Amazon
เป้าหมายที่ทะเยอทะยานนี้ของ TikTok ไม่เพียงแต่จะสร้างบรรยากาศการแข่งขันที่ดุเดือดในฝั่งอีคอมเมิร์ซให้กับ Amazon เพียงเจ้าเดียว แต่รวมไปถึงบริษัทสัญชาติจีนอย่าง Temu และ SHEIN ด้วย ซึ่งทั้งสองก็เป็นแพลตฟอร์มที่วัยรุ่นอเมริกันเริ่มให้ความนิยมมากขึ้น แต่สิ่งที่ TikTok มีต่างออกไปคือการพึ่งพาเครือข่ายโซเชียลมีเดีย และอาศัยการเกาะกระแสต่างๆ ในรูปแบบวิดีโอเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
ในปี 2023 ที่ผ่านมา Bloomberg รวบรวมและพบว่า TikTok มียอดขายสินค้าและบริการทั่วโลกที่ 20,000 ล้านดอลลาร์ นำโดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต่อไปในอนาคตข้างหน้าบริษัทมีเป้าหมายที่อยากจะขยายบริการอีคอมเมิร์ซไปสู่สหรัฐฯ และลาตินอเมริกา ภายในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึง เพื่อเพิ่มการขายในพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวภายในบริษัทที่ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลกับ Bloomberg ว่า เป้าหมาย 17,500 ล้านดอลลาร์ที่ตั้งไว้สำหรับ TikTok Shop ในสหรัฐฯ ยังไม่ใช่จำนวนที่นิ่งและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพธุรกิจ
สำหรับบริษัทแม่ ByteDance ที่ก่อตั้งขึ้นมากว่า 10 ปี โดยชายนามว่า Zhang Yiming และ Liang Rubo ปัจจุบันกลายมาเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากความร้อนแรงของคอนเทนต์รูปแบบคลิปสั้นของ TikTok และ Douyin ที่ผู้คนชื่นชอบและนิยม ส่งผลให้ TikTok Shop เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่โตเร็วที่สุดของบริษัท ซึ่งเข้ามาเป็นตัวเสริมอย่างดีให้กับ ByteDance ในการหาช่องทางรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากเม็ดเงินโฆษณา โดยบริษัทมีรายได้ในปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 30% เป็นตัวเลขที่มากกว่าคู่แข่งอย่าง Meta และ Tencent
อย่างที่ได้ระบุไปข้างต้นว่า ความต่างของ TikTok Shop คือผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการหลายชนิดได้โดยการไถฟีดคลิปสั้นและไลฟ์สตรีมที่เหมือนจะมีให้ดูกันได้แบบไม่สิ้นสุด ซึ่งจุดต่างนี้เองที่บริษัทหวังว่าจะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเลือกวิธีการซื้อของในรูปแบบอีคอมเมิร์ซนี้แทนที่ Amazon หรือ Shopee เพราะว่าโมเดลธุรกิจนี้ได้ช่วยให้ Douyin (แพลตฟอร์มวิดีโอที่มีต้นกำเนิดเดียวกันกับ TikTok แต่สามารถใช้ได้แค่ในประเทศจีน) แย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Alibaba Group และ JD.com ในตลาดจีนได้แล้ว
ด้วยความสำเร็จที่เริ่มปรากฏให้เห็น ByteDance จึงมีความตั้งใจที่ต้องการจะ ‘ส่งออก’ โมเดลธุรกิจแนวนี้ไปทั่วโลก โดยในตอนนี้ที่สหรัฐฯ TikTok จัดโปรโมชันส่งฟรี พร้อมทั้งให้สิทธิพิเศษหลายอย่างกับอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ใช้แพลตฟอร์ม TikTok เป็นช่องทางการขายของ
ย้อนกลับไปเมื่อเทศกาลช้อปปิ้ง Black Friday และ Cyber Monday ผู้ใช้งานหน้าใหม่ 5 ล้านคนมีการซื้อของบน TikTok และถ้าหากมองภาพกว้างโดยรวม วัยรุ่นอเมริกันเริ่มมีความคุ้นชินและเปิดรับการซื้อของผ่านแอปอีคอมเมิร์ซของจีนมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น SHEIN และ Temu ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป แนวโน้มที่เจ้าตลาดเดิมจะได้รับผลกระทบคงจะมีให้เห็นไม่มากก็น้อย
อ้างอิง:
