หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงในกรุงปักกิ่งวานนี้ (14 มีนาคม) ตอบโต้กรณีสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok หรือกฎหมาย ‘คุ้มครองชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ’ (Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act) ซึ่งกำหนดเวลาให้ ByteDance บริษัทแม่ในจีน ต้องขายหุ้นของ TikTok ที่ถือครองอยู่ให้แก่บริษัทสัญชาติอเมริกันภายใน 6 เดือน ก่อนที่จะถูกแบนจาก App Store ในสหรัฐฯ
โดยหวังระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว “ขัดต่อหลักการของการแข่งขันที่เป็นธรรมและหลักการความยุติธรรม” พร้อมประณามว่าเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากโจร
“เมื่อมีคนเห็นสิ่งดีๆ ที่คนอื่นมี และพยายามเอามันมาเป็นของตนเอง นี่เป็นตรรกะของโจรอย่างสิ้นเชิง”
ขณะที่ เหอหยาตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน ยืนยันว่าจีนจะใช้ ‘ทุกมาตรการที่จำเป็น’ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนเอง
ทั้งนี้ สส. สหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน TikTok โดยกลัวว่าข้อมูลของผู้ใช้งานชาวอเมริกันอาจถูกส่งให้จีน ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ
ขณะที่ โจวโซ่วจือ ซีอีโอของ TikTok ปฏิเสธข้อกังวลดังกล่าว และชี้ว่าการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะกลายเป็นการนำเงินหลายพันล้านดอลลาร์ออกจากกระเป๋าของครีเอเตอร์และผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ พร้อมเตือนว่าจะเกิดความเสี่ยงต่อการจ้างงานกว่า 3 แสนตำแหน่ง และเรียกร้องให้ผู้ใช้งานออกมาต่อต้านการผ่านกฎหมายแบน TikTok
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการลงมติรับรองในวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความพร้อมลงนามบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้
ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยสนับสนุนการแบน TikTok ระบุว่า ในตอนนี้เขาไม่เห็นด้วยกับการแบนแอปพลิเคชันสัญชาติจีน โดยชี้ว่าจะกลายเป็นการส่งเสริมให้ Meta บริษัทแม่ของ Facebook เติบโตเป็นสองเท่า และมองว่า TikTok นั้นมีอันตรายสำหรับระบอบประชาธิปไตยน้อยกว่า Facebook
ใครสามารถซื้อ TikTok ได้?
สตีเวน มนูชิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยุครัฐบาลทรัมป์ กล่าวภายหลังการลงมติรับรองร่างกฎหมายแบน TikTok ว่า เขากำลังรวบรวมทีมนักลงทุนเพื่อซื้อ TikTok โดยชี้ว่าเป็นธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ซึ่งหากเป็นในประเทศจีน เขามั่นใจว่า “ไม่มีทางที่จีนจะยอมปล่อยให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าของแอปพลิเคชันคลิปวิดีโอสั้นยอดนิยมนี้”
นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจคนอื่นๆ เช่น เควิน โอเลียรี (Kevin O’Leary) นักธุรกิจชาวแคนาดา จากรายการทีวี Shark Tank ที่แสดงความสนใจจะซื้อ TikTok จากบริษัทแม่ในจีนเช่นกัน
ที่ผ่านมาในยุครัฐบาลทรัมป์ ช่วงปี 2020 เคยมีการลงนามคำสั่งพิเศษเพื่อให้ ByteDance ขายหรือแยกตัวจากธุรกิจ TikTok ในสหรัฐฯ ภายใน 90 วัน ซึ่งทำให้หลายบริษัทยักษ์ใหญ่แสดงความสนใจซื้อ โดยราคาประเมินมูลค่ากิจการของ TikTok ขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์
โดยในตอนนั้น Microsoft พ่ายการแย่งซื้อ TikTok ให้กับดีลที่เกิดจากการจับมือกันระหว่าง Walmart และ Oracle ก่อนที่ดีลจะล่มไป ท่ามกลางความท้าทายทางกฎหมายและการเปลี่ยนรัฐบาล
ปัจจุบันการเข้าถึงและรายได้จากการโฆษณาของ TikTok เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้มีการประเมินมูลค่าบริษัทไว้สูงถึง 2.68 แสนล้านดอลลาร์
ภาพ: Johannes Neudecker / picture alliance via Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-68564531
- https://www.forbes.com/sites/mollybohannon/2024/03/14/trump-says-tiktok-is-less-of-a-danger-to-the-usa-than-facebook-and-meta/?sh=6df05eb113a8
