วันนี้ (26 สิงหาคม) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าหลังสอบปากคำ ทิดอลงกต และ เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ หมอบี ว่า ทิดอลงกตได้ตัดสินใจ ยอมลาสิกขา โดยสมัครใจ และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว หลังจากตำรวจได้พูดคุยด้วยเหตุและผล จนเจ้าตัวยอมรับในสิ่งที่กระทำผิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยว่า ก่อนลาสิกขา อดีตพระอลงกตได้เทศนาสั่งสอนเป็นเวลา 20 นาทีในเรื่องกิเลสและการประพฤติตนของสงฆ์ พร้อมยอมรับว่าแม้ในช่วงแรกจะทำประโยชน์ให้สังคม แต่ภายหลังเงินบริจาคจำนวนมหาศาลได้นำมาซึ่งกิเลส จนเกิดการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ซื้อที่ดิน, ทำสนามฟุตบอล, และลงทุนในรูปแบบบริษัท
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ยอดเงินที่ตรวจพบจากการสอบสวนเบื้องต้นมีสูงถึง ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด แต่ปัญหาหลักของคดีคือ เงินส่วนใหญ่ถูกเบิกและจ่ายเป็นเงินสด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังมีการพบเงินสดจำนวน 1-2 แสนบาทในรถของอดีตพระอลงกตขณะจับกุม ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายจะหลบหนี
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า คดีนี้มีจุดเริ่มต้นจากเงิน 300 ล้านบาทของมูลนิธิใจฟ้าอคาเดมี่ โดยหลังจากนี้จะขยายผลไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีดังกล่าว รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลใกล้ชิด ซึ่งจะประสานงานร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ ปปท. กล่าวเสริมว่า ยอดเงินที่เกี่ยวข้องในคดีนี้เป็นหลักมหาศาลขณะที่ตำรวจได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของอดีตพระอลงกตเพื่อตรวจสอบข้อสงสัยเรื่องครอบครัว อย่างไรก็ตาม หมอบี ยังคงไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร กับการสอบสวนของเจ้าหน้าที่