วันนี้ (10 กันยายน) สส. ใหม่ 3 คน เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าทำหน้าที่เป็นวันแรก โดยมี ศุภพรรัตน์ สุขพุ่ม รองเลขาธิการสภาฯ และ ปิยะธิดา อินทวารี ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ให้การต้อนรับ
ประกอบด้วย ทิพานัน ศิริชนะ บัญชีรายชื่อลำดับที่ 18 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มารับตำแหน่งแทน สุชาติ ชมกลิ่น ที่ลาออกไป, พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง บัญชีรายชื่อลำดับที่ 20 พรรครวมไทยสร้างชาติ รับตำแหน่งแทน ธนกร วังบุญคงชนะ ที่ลาออกไป และ รุ่งเรือง พิทยศิริ บัญชีรายชื่อลำดับที่ 41 แทน นพดล ปัทมะ ที่ได้ลาออกไป
หลังการรายงานตัวเพิ่มเติมของ สส. ใหม่ ทั้ง 3 คน ทำให้จำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีในสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้มีทั้งหมด 491 คน จากเดิม 492 คน เนื่องจาก ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส. แบบแบ่งเขต จังหวัดกาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ลาออกไป
พล.ต.อ. อัศวินเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จะทำงานสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน พร้อมมองว่า เงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือนนั้น ไม่น่ามีปัญหา หรืออุปสรรคต่อการทำงาน เพราะรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายสำคัญคือทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข และสังคมสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจเช่นเดียวกัน
“สมัยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เคยทำเพื่อชาว กทม. แต่วันนี้ต้องคิดถึงประชาชนทั้งประเทศ โดยเชื่อว่าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมีเป้าหมายร่วมกัน คือความเจริญรุ่งเรืองและความอยู่ดีกินดีของคนไทยทุกคน” พล.ต.อ. อัศวินกล่าว
ด้านทิพานันกล่าวว่า การเป็น สส. ถือเป็นเกียรติและเป็นอีกก้าวหนึ่งของชีวิต เพราะ สส. คือผู้แทนประชาชนที่มีหน้าที่ทำงานด้านนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 เสาหลักสำคัญของประเทศ การออกกฎหมายที่ถูกต้องและการบังคับใช้อย่างจริงจัง จะช่วยขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชนและการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน
สำหรับประเด็นที่สนใจเป็นพิเศษ คือ กฎหมายด้านเด็กและเยาวชน รวมถึงกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทั้งสองเรื่องมีผลต่ออนาคตของประเทศ โดยเด็กคือรากฐานสำคัญที่จะเติบโตเป็นกำลังหลักพัฒนาชาติ ขณะที่สิ่งแวดล้อม เช่น ดิน น้ำ และอากาศ ล้วนส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนในทุกช่วงวัย ต้องทำให้กฎหมายเหล่านี้ทันสมัย ใช้ได้จริง และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมและคุ้มครองเด็กในฐานะอนาคตของชาติ
ขณะที่รุ่งเรืองกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาทำหน้าที่ สส. อีกครั้งในรอบ 20 ปี หลังจากเคยรับตำแหน่งเมื่อปี 2544 ก่อนจะถูกคดีทางการเมืองทำให้ห่างหายจากเวทีการเมืองกว่า 10 ปี โดยครั้งนี้จะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน มุ่งติดตามและตรวจสอบนโยบายที่รัฐบาลใหม่จะแถลงต่อรัฐสภา พร้อมทั้งเตรียมแสดงความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจและกฎหมายที่จะเข้าสู่การพิจารณา
สำหรับกรณีที่รัฐบาลอาจยุบสภาภายใน 4 เดือน รุ่งเรืองมองว่า เป็นอำนาจฝ่ายบริหาร ตนจะทำงานอย่างเต็มที่ตามโอกาสที่มี พร้อมย้ำว่าจะทำหน้าที่ให้คุ้มค่ากับเงินภาษีประชาชน โดยเน้นบทบาทการตรวจสอบถ่วงดุล เสนอแนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ และพร้อมร่วมงานในคณะกรรมาธิการ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเงิน