ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าเหนือเมืองฟร็อตต์มานิงค่อยๆ มืดลง เสียงเพลงฉลองแชมป์บุนเดสลีกาสมัยที่ 34 ของบาเยิร์น มิวนิก ดังกระหึ่มทั่วสนามอัลลิอันซ์ อารีนา
นอกเหนือจากสายตาที่จับจ้องไปที่การสัมผัสถ้วยแชมป์ของแรกของชายที่ชื่อ แฮร์รี เคน.. คือภาพของ โธมัส มุลเลอร์ ชายผู้มีโลโก้บาเยิร์นติดอยู่ที่อก..ในทุกก้าวย่างตลอดกว่า 25 ปี กำลังยืนอยู่กลางสนามเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศครั้งสุดท้ายในฐานะนักเตะของทัพเสือใต้
เสียงตะโกน “มุลเลอร์! มุลเลอร์!” ดังขึ้นจากฝั่ง Südkurve นั่นไม่ใช่เสียงตะโกนแห่งการปลุกใจ แต่เป็นเสียงจากหัวใจของแฟนบอล…ที่กำลังกล่าวคำอำลา
เพราะนี่คือเกมสุดท้ายในบ้านของ โธมัส มุลเลอร์ ดาวเตะวัย 35 ปี ที่อยู่รับใช้ทีมมากว่า 750 นัด จนกลายเป็นสัญลักษณ์ ‘วันแมนคลับ’ ของทีมคนล่าสุด
มุลเลอร์เริ่มต้นเส้นทางกับบาเยิร์นในระดับเยาวชนตั้งแต่ปี 2000 ก่อนจะไต่เต้าขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2008 และกลายเป็นกำลังหลักอย่างเต็มตัวในฤดูกาล 2009/10 ภายใต้การคุมทีมของ ‘หลุยส์ ฟาน กัล’ โค้ชผู้มองเห็นศักยภาพและผลักดันเขาขึ้นมาสู่เวทีใหญ่
นับจากวันนั้น มุลเลอร์ไม่เคยหันหลังให้กับสโมสร เขาใช้ชีวิตค้าแข้งทั้งหมดกับบาเยิร์นเพียงทีมเดียว ลงเล่นในบ้านมากถึง 355 นัด จนได้ชื่อว่าเป็นหัวใจของทีม ผู้ถ่ายทอดวิญญาณของบาเยิร์นทั้งในสนามและนอกสนาม
เขาลงเล่นให้ทีมเสือใต้ไปทั้งสิ้น 750 นัด ยิงได้ 248 ประตู กับอีก 274 แอสซิสต์ และมากกว่าตัวเลขคือความสำเร็จระดับตำนานที่มีส่วนพาทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ถึง 34 รายการ รวมถึง บุนเดสลีกา 13 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 6 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย และแชมป์สโมสรโลกอีก 2 สมัย
“การได้ชูถ้วยแชมป์บุนเดสลีกาในเกมสุดท้ายของผมที่สนามแห่งนี้ มันกระตุ้นอารมณ์แม้แต่กับคนที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างผม” มุลเลอร์กล่าวกับเว็บไซต์สโมสรก่อนเริ่มเกม
และในนาทีที่ 83 ของเกม เมื่อเลข 25 ปรากฏบนป้ายเปลี่ยนตัว เสียงปรบมือดังลั่นสนาม โธมัส มุลเลอร์ยืนสงบนิ่ง พร้อมสูดลมหายใจชั่วครู่ ก่อนจะก้าวออกจากสนาม ผ่านแถวเกียรติยศของเพื่อนร่วมทีม สตาฟฟ์ และเสียงปรบมือจากแฟนบอลฝั่งเจ้าบ้าน ไปจนถึงนักเตะฝั่งทีมเยือนที่ร่วมแสดงความเคารพต่อชายผู้เป็นตำนานของบาเยิร์น
เขาเงยหน้ามองไปยังอัฒจันทร์ที่พ่อแม่ของเขานั่งอยู่ คนที่เคยพาเขาขับรถจากหมู่บ้าน Pähl มาฝึกซ้อมที่ Säbener Straße เมื่อ 25 ปีก่อน และมองไปยังแฟนๆ ที่ยืนปรบมือทั้งสนาม แม้แต่แฟนบอลมึนเชนกลัดบัคที่เป็นทีมเยือนก็ลุกขึ้นร่วมปรบมือให้กับชายผู้นี้
หลังจบเกม ในช่วงพิธีมอบเหรียญแชมป์เริ่มต้นขึ้น มานูเอล นอยเออร์ หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมคนสนิท จับแขนมุลเลอร์ลากไปข้างหน้าและเป็นคนแรกที่ได้ชูถ้วย เพื่อให้เกียรติชายผู้เป็นหัวใจของทีมมานานกว่าสองทศวรรษ
ก่อนที่ค่ำฉลองแชมป์และการกล่าวอำลาจะจบลง มุลเลอร์ได้ปีนรั้วส่งถ้วยแชมป์เข้าไปใน Südkurve ถึงมือแฟนบอลผู้ภักดี และหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดเป็นครั้งสุดท้ายต่อหน้าแฟนบอล 75,000 คน
“มันคือความรู้สึกที่ประเมินค่าไม่ได้ ทุกประตูที่ผมยิงเพื่อพวกคุณ ทุกช่วงเวลาที่ได้พบกับคนมากมายในสโมสรแห่งนี้ ผมจะไม่มีวันลืมมันเลย
“ผมเห็นผู้เล่นดาวรุ่งที่กำลังจะมารับช่วงต่อ พวกเขากำลังสู้เพื่อสีเสื้อของเรา… ผมไม่เสียใจเลยที่ได้เป็นนักสู้ยุคใหม่ตรงนี้ แม้สิ่งที่จะมาหลังจากนี้อาจไม่งดงามเท่าสิ่งที่ผมเคยมี แต่ผมก็พร้อมเดินหน้าต่อ”
ก่อนกล่าวคำลา มุลเลอร์ยิ้มกว้าง พร้อมพูดว่า…“ผมรักพวกคุณทุกคน ดูแลตัวเองกันด้วยนะ ลาก่อน”
ค่ำคืนแห่งการอำลาของมุลเลอร์อาจดูแตกต่างจากใครหลายคน เพราะที่นี่ไม่มีน้ำตา มีแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และเบียร์ที่สาดใส่กันอย่างสนุกสนานท่ามกลางบรรยากาศฉลองแชมป์
มุลเลอร์ยังยืนอยู่ตรงนั้น กลางวงล้อมของเพื่อนร่วมทีม ครอบครัว และแฟนบอล เหมือนเขาจะไม่จากไปไหน
แต่ในหัวใจของทุกคน…รู้ดีว่านี่คือการอำลาของชายผู้เป็นมากกว่าแค่นักเตะ
สำหรับ โธมัส มุลเลอร์ ไม่ใช่แค่ ‘One Club Man’ ของบาเยิร์น แต่เขาคือจิตวิญญาณของสโมสร และเชื่อว่า แฟนๆ จะยกให้เขาเป็นหนึ่งในตำนานของทีมตลอดไป