×

โธมัส แฟรงก์ กับภารกิจพาสเปอร์สกลับมาบินให้สูงอีกครั้ง

โดย THE STANDARD TEAM
13.06.2025
  • LOADING...
thomas-frank-spurs-coach

คุณเคยสงสัยไหมว่า…ทำไมชื่อของ ‘โธมัส แฟรงก์’ จึงมักถูกหยิบขึ้นมาทุกครั้งที่ทีมใหญ่กำลังมองหาโค้ชคนใหม่?

 

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มพิจารณาตัวแทนของ เอริก เทน ฮาก หรือเมื่อ เชลซี ต้องหาคนมาสานงานต่อจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน 

 

ชื่อของโธมัส แฟรงก์ มักโผล่ขึ้นมาในลิสต์แคนดิเดตเสมอ แม้เขาจะไม่ใช่กุนซือที่อยู่ในสปอตไลต์ หรือตกเป็นข่าวรายวันในหน้าสื่อ

 

แต่ถ้าพูดถึงโค้ชที่ไม่หวือหวา แต่ทำผลงานเกินคุณภาพทีมที่มี ได้อย่างต่อเนื่อง โธมัส แฟรงก์ คือหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุด

ผู้จัดการทีมชาวเดนมาร์กวัย 51 ปีรายนี้สร้างชื่อจากการพา เบรนท์ฟอร์ด สโมสรเล็กในลอนดอน วางรากฐานจนสามารถยืนหยัดในพรีเมียร์ลีกได้ตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยสไตล์การทำทีมที่ไม่ฉูดฉาด แต่ ‘ฉลาด’ และ ‘ยืดหยุ่น’ อย่างน่าทึ่ง

 

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันนี้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมแชมป์ยูโรปาลีกล่าสุด ซึ่งแยกทางกับ อังเก้ โปสเตโคกลู หลังผลงานตกต่ำ (โดยเฉพาะในลีก) ช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา จะตัดสินใจดึงแฟรงก์เข้ามารับช่วงต่อ เพื่อฟื้นโครงสร้างทีม และดึงความสมดุลกลับคืนสู่ลอนดอนเหนืออีกครั้ง

 

ปรัชญาฟุตบอล…ที่ต้องหวังผลได้

 

โธมัส แฟรงก์ มองฟุตบอลเหมือนการแก้สมการ เขาเป็นโค้ชที่หลงใหลในข้อมูล สถิติ และการวิเคราะห์เกมอย่างละเอียด แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่าง คือเขาไม่ลืมว่า “ฟุตบอลคือเกมของอารมณ์”

 

สไตล์ของเขาคือการผสมผสานระหว่าง การตั้งรับอย่างมีวินัย กับ การโจมตีแบบคาดไม่ถึง

 

เบรนท์ฟอร์ดในยุคของแฟรงก์อาจไม่ใช่ทีมที่ครองบอลนาน แต่ทุกการบุกของพวกเขาถูกออกแบบมาอย่างมีนัย เช่น การขึ้นเกมจากปีก, การใช้ลูกโยนยาวเพื่อเอาชนะการเพรส และการสร้างโอกาสจากจังหวะเซตพีซ

 

แฟรงก์ไม่ได้ยึดติดกับระบบอะไรเลย ตามข้อมูลจะเห็นได้ว่า เขาเคยใช้ทั้ง 4-3-3, 3-5-2, ไปจนถึง 4-3-2-1 ซึ่งมันแล้วแต่เกมนั้นๆ ว่าต้องการอะไร แต่จุดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นการวางตัวผู้เล่นให้รับมือกับจุดแข็งของคู่แข่งให้ได้ดีที่สุด โดยไม่สูญเสียจุดเด่นของตัวเอง

 

เบรนท์ฟอร์ดของแฟรงก์เล่นบอลแบบไดเรกต์ แต่มีชั้นเชิง เน้นใช้พื้นที่ efficiently มากกว่าครองบอลไปเรื่อยๆ แม้มันทำให้ฟุตบอลของพวกเขาอาจไม่สวยงาม แต่มีประสิทธิภาพและสำคัญคืออยู่ใกล้กับผลลัพธ์ที่พอจะคาดหวังได้

 

ความโดดเด่นของโธมัส แฟรงก์ กับเบรนท์ฟอร์ด

 

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้เบรนท์ฟอร์ดอยู่รอดและแข่งขันได้ในพรีเมียร์ลีกคือสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร จนหลายทีมที่เจอต้องปวดหัวเวลาเจอพวกเขา

 

แฟรงก์เป็นโค้ชที่รู้ดีว่าทีมตัวเองไม่ได้มีทรัพยากรนักเตะเทียบเท่าทีมระดับท็อปของลีก แต่เขาเล่นกับแท็กติกและข้อมูลเป็นหลัก เบรนท์ฟอร์ดของแฟรงก์ใช้ low block แบบแน่นหนา รอสวนกลับแบบแม่นยำ ซึ่งอาศัยการวิเคราะห์จุดอ่อนของคู่แข่งเป็นหลัก

 

และที่มันกว่านั้นคือ เบรนท์ฟอร์ดในมือของแฟรงก์มีเอกลักษณ์ชัดเจนเรื่องการ ใช้เซตพีซให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะมุม, ฟรีคิก หรือแม้แต่การทุ่มไกล พวกเขาซ้อมทุกรายละเอียดราวกับเล่นอเมริกันฟุตบอล 

 

ที่คือหนึ่งในทีมที่ใช้วิธีโยนยาวอย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่เตะบอลทิ้งให้กองหน้าไปลุ้นมั่วซั่ว แต่ทุกช็อตคือการวางหมากเพื่อเก็บจังหวะสอง ปั่นป่วนแนวรับคู่แข่ง และเปลี่ยนจากบอลธรรมดาให้กลายเป็นโอกาสอันตรายเสมอ

 

เป๊บ-คล็อปป์ ถึง แฟรงก์

 

โธมัส แฟรงก์ คือหนึ่งในกุนซือที่ได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมอาชีพมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แม้เขาจะไม่ใช่ชื่อที่ฉูดฉาดหรือมีโปรไฟล์หรูหราก็ตาม

 

เป๊ป กวาร์ดิโอลา เคยกล่าวถึงเบรนท์ฟอร์ดของโธมัส แฟรงก์หลังพ่ายคาบ้านในปี 2022 ว่า “พวกเขาเป็นทีมที่มีระบบจัดการดีที่สุดทีมหนึ่งในลีก ทั้งเรื่องแท็กติก การโต้กลับ และการใช้ลูกตั้งเตะ พวกเขาอันตรายทุกมิติ”

 

ขณะที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ก็ชื่นชมแฟรงก์ว่าเป็นโค้ชที่ “สร้างทีมจากพื้นฐาน และทำให้เบรนท์ฟอร์ดกลายเป็นคู่แข่งที่เล่นด้วยยากที่สุดทีมหนึ่ง เพราะพวกเขาไม่เคยเล่นตามแบบที่คู่แข่งคาดไว้เลย”

 

นี่คือสิ่งที่พอจะพิสูจน์ได้ว่า แม้จะอยู่กับสโมสรเล็กและงบประมาณจำกัด แต่โธมัส แฟรงก์แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ชื่อเสียงหรือมูลค่าทีมเสมอไป มันวัดกันที่ระบบความเข้าใจในเกม และความสามารถในการดึงศักยภาพของนักเตะทุกคนออกมาได้สูงสุด

 

โจทย์ใหญ่ที่รออยู่กับสเปอร์ส

 

หลังจากถูกดึงตัวมาแทน อังเก้ โปสเตโคกลู ที่ทำผลงานไม่ดีในช่วงฤดูกาลที่แล้วกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สิ่งที่โธมัส แฟรงก์จะต้องเผชิญ สามารถแบ่งเป็น 2 ข้อหลักๆ คือ

  • ความสมดุลในเกมรับและรุก: เพราะที่ผ่านมา แม้อังเก้พาทีมเล่นเกมรุกเร้าใจ แต่แนวรับรั่วหนัก การจัดระเบียบเกมรับคือจุดที่แฟรงก์ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน
  • การจัดการในยามเจอทีมใหญ่: สเปอร์สของอังเก้มักแผ่วเวลาเจอทีมท็อป แต่แฟรงก์เคยมีผลงานชนะหรือต่อกรทีมใหญ่ได้บ่อย โดยเฉพาะการเจอกับแมนฯ ซิตี้, เชลซี และลิเวอร์พูล
  • การดึงศักยภาพผู้เล่น: นี่คือจุดแข็งของแฟรงก์ ที่เคยปั้นนักเตะอย่างอิวาน โทนีย์, ดาบิด รายา (ที่ย้ายออกไปแล้ว) หรือแม้แต่ไบรอัน เอ็มบูโม่ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนของทีม และสามารถสู้กับทีมระดับพรีเมียร์ลีกได้อย่างไม่เป็นรอง

 

อย่างไรก็ตาม แม้ โธมัส แฟรงก์ จะมีสไตล์การทำทีมที่ชัดเจน มีระบบที่พิสูจน์แล้วว่า เวิร์กกับทีมเล็กอย่างเบรนท์ฟอร์ด

 

แต่การเข้ามากอบกู้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ความคาดหวัง และปัญหาหลายชั้น นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

 

นี่ไม่ใช่ภารกิจธรรมดา แต่มันคือการท้าทายครั้งสำคัญที่สุดในเส้นทางกุนซือของเขา

 

และคำถามคือ ผู้ชายที่สร้างระบบให้ทีมเล็กอยู่รอดในลีกใหญ่ จะเปลี่ยนทีมใหญ่ที่หลงทาง ให้กลับมาบินสูงได้อีกครั้งหรือไม่?

 

แน่นอนว่าคำตอบ…รออยู่ในฤดูกาลหน้าแล้ว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising