×

Thirty-Nine ซีรีส์ที่ตอบคำถามว่าความหมายของเพื่อนแท้คืออะไร

05.03.2022
  • LOADING...
Thirty-Nine

HIGHLIGHTS

  • การรับชมซีรีส์ Thirty-Nine คงหนีไม่พ้นการตั้งคำถามกลับมายังตัวเราเอง ว่าท้ายที่สุดแล้ว เรามีเพื่อนแท้อยู่รายรอบตัวบ้างไหม เพื่อนแท้ที่จะช่วยปกป้องเราในแบบที่แม้ว่าตัวเองจะแตกสลายก็ยอม

Thirty-Nine ซีรีส์ผลงานล่าสุดของ ซนเยจิน ชอนมีโด และ คิมจีฮยอน บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนหญิง 3 คน ที่กอดคอร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เน้นย้ำมากๆ ในซีรีส์ Thirty-Nine คือการเป็นเพื่อนแท้ของพวกเธอ ที่จะไม่มีวันทิ้งกัน ไม่มีวันหาผลประโยชน์จากกัน และในวันที่ชีวิตได้รับบททดสอบหนักหนา พวกเธอก็เลือกที่จะยิ้มรับและจับมือสู้มันไปด้วยกัน

 

สำหรับแฟนซีรีส์ที่ติดตาม Thirty-Nine มาโดยตลอด น่าจะรู้สึกใกล้เคียงกับตัวละครในเรื่องได้ไม่ยาก เพราะท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่ติดตามกันในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นการตั้งคำถามกลับมายังตัวเราเอง ว่าท้ายที่สุดแล้ว เรามีเพื่อนแท้อยู่รายรอบตัวบ้างไหม เพื่อนแท้ที่จะช่วยปกป้องเราในแบบที่แม้ว่าตัวเองจะแตกสลายก็ยอม

 

 

**บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์

 

ความหมายของเพื่อน = ครอบครัว

Thirty-Nine คือซีรีส์เกาหลีเรื่องล่าสุดที่พูดถึงชีวิตของผู้หญิงวัยปลาย 30 ปี คบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อายุ 18 ปี รู้จัก เติบโต เที่ยวเล่นสนุกมาด้วยกัน จนรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในวัยราว 39 ปี ยังสนุกกับชีวิตที่เบ่งบานเต็มที่ของวัยสาว ยังโสด และได้เรียนรู้ว่าเวลาของชีวิตนั้นแสนสั้น เมื่อเพื่อนคนหนึ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย และมีเวลาเหลืออีกไม่กี่เดือนบนโลกใบนี้

 

ความหมายของคำว่า ‘เพื่อน’ สำหรับ มีโจ ชานยอง และ จูฮี จึงมีนิยามกว้างไกลกว่าการเป็นเพื่อน แต่คือการเป็นครอบครัวที่พวกเขามีกันและกัน มันเต็มไปด้วยความเชื่อใจ ความไว้วางใจในแบบเดียวกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวจะมีให้ หรือไม่แน่ว่าความแน่นแฟ้นนั้น ในบางครั้งก็มากกว่าคนในครอบครัวเสียอีก

 

“เราไม่ได้รู้เลยว่าพวกเรารักกันมากแค่ไหน ในความเป็นเพื่อน”

 

มิตรภาพที่เริ่มต้นด้วยหัวใจ

แม้ว่าจะเป็นคนตรงไปตรงมา ปากร้าย แต่ชานยองในวัย 18 ปี ก็ยังใจดีพอจะให้เงินค่ารถกับมีโจที่สถานีใต้ดิน ระหว่างทางที่เธอกำลังออกตามหาแม่ที่แท้จริง เมื่อรู้ความจริงเรื่องนี้ ชานยองก็เดินตามเธอไปช่วยตามหา และไปเจอกับร้านขายของว่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งเปิดร้านอยู่ ตรงตามข้อมูลที่มีโจได้รับจากเอกสารที่ติดตัวตอนที่ถูกทิ้งเป็นเด็กกำพร้า 

 

ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมีลูกสาวอยู่แล้วคนหนึ่งชื่อจูฮี ซึ่งอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน เมื่อได้นั่งลงกินอาหารในร้านและเปิดใจให้กันฟัง มิตรภาพของเด็กสาวทั้งสามคนก็เริ่มต้นขึ้น

 

ระหว่างนั้น ก็เป็นการเปิดเผยให้เห็นสถานะของมีโจที่ได้ครอบครัวร่ำรวยรับไปเลี้ยง เครื่องแบบนักเรียนแสดงให้เห็นว่ามาจากโรงเรียนชั้นนำในเมือง ส่วนจูฮีก็อยู่กับแม่เพียงลำพังในย่านนอกกรุงโซล เปิดร้านอาหารเล็กๆ ขณะที่ชานยองเป็นเด็กจากเมืองพยองยางที่มาเรียนในกรุงโซล

 

แม้จะแตกต่างที่มา แต่พวกเธอมองข้ามกลไกเหล่านั้น และเริ่มเป็นเพื่อนกัน โดยไม่เคยคิดถึงความแตกต่างระหว่างกันแม้แต่น้อย

 

“จะเรียกว่าเป็นครอบครัวก็คงไม่พอที่จะอธิบายพวกเขา เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไรในการเป็นครอบครัวจริงๆ” – ชามีโจ

 

ลอตเตอรี่และการปกป้องโชคดีของเพื่อน

ในวันธรรมดาวันหนึ่งที่ชานยองฟังคำวินิจฉัยจากแพทย์เกี่ยวกับโรคมะเร็งระยะสุดท้ายของเธอ โอกาสของการรักษาหายอยู่ที่ 0.8% หากทำคีโมบำบัดร่วมด้วย 

 

ขณะเดียวกัน จูฮีที่มีชีวิตราบเรียบมาตลอดก็ได้รับข่าวดีที่สุดในชีวิต เมื่อเธอถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 4 ได้เงินรางวัล 7.5 ล้านวอน (ราว 200,000 บาท) 

 

เมื่อสิ่งที่น่าดีใจที่สุดกับเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดเดินทางมาพร้อมๆ กัน งานเลี้ยงฉลอง ‘โชคดี’ ของจูฮี จึงกลายเป็นเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา เมื่อชานยองและมีโจไม่สามารถยิ้ม หัวเราะให้ได้อย่างที่เคยเป็น

 

เมื่อรู้ข่าวร้ายของชานยอง จูฮีตัดสินใจคืนโชคดีนั้นให้กับเพื่อน เพราะเธอเชื่อว่าโชคดีที่ได้รับควรจะเป็นของชานยองมากกว่า และเงินจำนวน 7.5 ล้านนั้น แม้จะมากมายจนทำให้เธอไม่ต้องดิ้นรนกับชีวิตและการทำงานไปได้อีกนาน แต่จูฮีก็ยอมแลก เพื่อที่ว่าเวลาชีวิตของเพื่อนอาจกลับคืนมายาวนานได้กว่าเดิม 

 

เช่นเดียวกับชามีโจ ที่แม้จะเติบโตมาอย่างดี เป็นแพทย์ผิวหนังที่เก็บหอมรอมริบจนเปิดคลินิกของตัวเองในย่านคังนัมได้ เธอทุ่มเททำงานหนัก ประกอบกับบาดแผลในวัยเยาว์ ทำให้มีโจมีอาการวิตกกังวลจนต้องรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ อาการของเธอค่อยๆ ดีขึ้น และเตรียมพร้อมจะพักร้อนยาว 1 ปี เพื่อรักษาตัวรักษาใจที่อเมริกา

 

แต่ในวันที่รู้ข่าวร้ายของเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต มีโจก็ได้แต่จิตใจกระเจิดกระเจิงไปกับความเศร้าเสียใจ และยังรับมือกับความจริงที่โหดร้ายไม่ได้ กว่าจะปรับจิตใจให้เข้าที่ เลือกใช้เวลาร่วมกันให้คุ้มค่าเท่าที่จะพอจะทำได้ ก็เกิดเหตุการณ์บีบคั้นอารมณ์อีกครั้งในปลายอีพี 6 จนทำให้มีโจที่ดูภายนอกสุดแสนจะเพียบพร้อม กลายเป็นผู้หญิงที่ยอมหมดทุกอย่างเพื่อปกป้องความสุขเล็กๆ ของเพื่อน จนแม้ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับอาการแพนิกที่จู่โจมเข้ามา เธอก็เลือกแล้วว่าจะยอมแลก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

 

ซึ่งนั่นเป็นเหมือนคำถามที่ซีรีส์ Thirty-Nine โยนกลับมาให้คนดูได้ถามตัวเองว่า เราเคยทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเพื่อนเอาไว้หรือยัง?

 

 

“เพื่อนที่แท้จริงจะบอกคุณว่าอะไรผิดหรือถูก” – ชามีโจ

 

สำหรับ Thirty-Nine เล่าเรื่องของผู้หญิง 3 คน ชามีโจ จองชานยอง และ จางจูฮี ที่รู้จักกันมากว่า 20 ปี จนในวัย 39 ปี ก็ถึงเวลาที่พวกเธอต้องบอกลาเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่เคียงข้างกันมาตลอด การบอกลาที่ยากที่สุดเท่าที่จะนึกถึง และการได้ใช้เวลาร่วมกันตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงนาทีสุดท้าย ทำให้พวกเธอได้รู้ว่าความรักที่มีให้กันนั้นมากขนาดไหน นำไปสู่ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและความเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน 

 

เพราะชีวิตหนึ่งเมื่อได้เจอ ‘เพื่อนแท้’ แล้วนั้น แม้ว่าชีวิตจะขึ้นสุด-ลงสุดอย่างไร เรายังมีเพื่อนอยู่ข้างๆ และแม้จะพบกับเรื่องราวแสนเศร้าในชีวิต เราก็ยังคงมองหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ได้ในชีวิตทุกๆ วัน ทั้งยังเก็บเอาความสุขเล็กๆ เหล่านั้นเป็นพลังใจในการต่อสู้กับความยากลำบากที่ต้องพบเจอ 

 

และอย่างน้อยๆ การมีเพื่อนแท้เพียงสักคนอยู่เคียงข้าง ก็เป็นของขวัญล้ำค่าที่เราควรถนอมรักษาเอาไว้

 

 

ภาพ: Netflix

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X