10 ปีที่แล้วทีม ‘รอสโซบลู’ โบโลญญา ต้องกระเด็นตกชั้นจากเซเรีย อา
วันนี้พวกเขาเพิ่งคว้าสิทธิ์การไปเล่นฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาครองได้สำเร็จ
เบื้องหลังเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะกับ ติอาโก ม็อตตา หนึ่งในกุนซือที่น่าจับตามองคนหนึ่งในฐานะคลื่นลูกใหม่ของยุคสมัย เขาพาโบโลญญากลับคืนสู่วันคืนที่ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตได้อย่างไร?
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่วงการฟุตบอลมีเรื่องที่น่าประทับใจเกิดขึ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะการประสบความสำเร็จของบรรดาทีมขนาดไม่ใหญ่แต่สามารถไปได้ไกลเกินฝัน
ที่เยอรมนี ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 120 ปี และยังสร้างตำนานไร้พ่าย ทำลายสถิติไร้เทียมทานเดิมของเบนฟิกา โดยที่จนถึงตอนนี้ยังมีโอกาสจะจบฤดูกาลด้วยการไม่แพ้ใครเลย 53 นัด ซึ่งถ้าทำได้หมายถึงจะเป็นการคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียวด้วย
ที่สเปน คิโรนา สโมสรชานกรุงมาดริดที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของใครต่อใคร แต่กลับสร้างความประหลาดใจด้วยการสร้างผลงานโตเกินตัว จนถึงขั้นคว้าสิทธิ์การไปเล่นรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเรื่องการเป็นสโมสรในเครือ City Football Group ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะทำให้มีเครื่องหมายคำถามอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี
มาถึงอิตาลี จะขาดเรื่องโรแมนติกได้อย่างไร เมื่อโบโลญญา ทีมฟุตบอลระดับนอกสายตาของจริง แต่ทำผลงานคนเล็กใจใหญ่ยึดอันดับ 4 ของเซเรีย อา ได้เป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดได้สิทธิ์ในการไปเล่นแชมเปียนส์ลีกเป็นหนแรกในรอบ 60 ปี
คนที่ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดในการพาทีม ‘รอสโซบลู’ มาไกลขนาดนี้คือม็อตตา อีกหนึ่งโค้ชรุ่นใหม่ไฟแรงที่เป็นที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้
การเดิมพันด้วยยุคสมัยใหม่
สำหรับม็อตตา จุดเริ่มต้นกับโบโลญญาในเดือนกันยายน 2022 เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้คาดหวังมาก่อน
ประสาโค้ชคนหนุ่มที่ผ่านงานมาไม่มาก เขามีประสบการณ์การทำงานคุมทีมเพียงน้อยนิดกับเจนัวและสเปเซีย การได้รับการทาบทามเพื่อทำงานแทนซินิซา มิไฮโลวิช ตำนานแข้งลูกหนังชาวเซิร์บ ถือเป็นงานที่ลำพังก็ยากอยู่แล้ว ยังยากทางความรู้สึกด้วย
นั่นเพราะสำหรับมิไฮโลวิช เขาเป็นโค้ชที่ทุกคนรักและนับถือ ไม่เพียงแค่เรื่องฝีมือจากฤดูกาลแรกที่ประสบความสำเร็จในปี 2019 แต่เป็นเรื่องของความทุ่มเทในการทำงาน ขนาดที่ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมียก็ไม่ยอมวางมือ ยังคงทำงานจากโรงพยาบาลในระหว่างการรักษาตัว
แต่น่าเศร้าที่สุดท้ายฟุตบอลเราคุยกันด้วยเรื่องของผลงาน ขณะที่สัญญาณการรักษาตัวของมิไฮโลวิชเหมือนจะดีขึ้น ผลงานของทีมกลับแย่ลง ทีมไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเขาแล้ว และนั่นทำให้ทางฝ่ายเจ้าของสโมสร โจอี ซาปูโต ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
แทนที่จะเลือกโค้ชมือเก๋าเข้ามา ซาปูโตมองเห็นอะไรบางอย่างจากโค้ชคนหนุ่มอย่างม็อตตา
ม็อตตาเป็นอดีตนักฟุตบอลที่เกิดในบราซิลที่ตัดสินใจเลือกใช้สัญชาติอิตาลี แต่ไปแจ้งเกิดที่สเปน โดยเป็นหนึ่งในผลผลิตจาก ‘ลามาเซีย’ อันโด่งดังของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ซึ่งครั้งเป็นนักเตะแม้จะมีแววดีแต่ก็อับโชค เพราะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรังควานตลอด ทำให้ไปได้ไม่ไกลอย่างที่ควรจะเป็น แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นที่จดจำในวันที่อยู่กับบาร์ซา, อินเตอร์ มิลาน และโดยเฉพาะทีมสุดท้ายในชีวิตอย่างปารีส แซงต์ แชร์กแมง
เมื่ออำลาชีวิตพ่อค้าแข้ง ม็อตตาฝึกปรือฝีมือในทีมเยาวชน U19 ของเปแอสเชพักหนึ่ง ก่อนจะเดินทางมารับงานในอิตาลีกับเจนัว (โดนปลดแค่ 10 นัด) และสเปเซีย ซึ่งเขาพาทีมรอดตกชั้นในฤดูกาล 2021/22
แล้วซาปูโตมองเห็นอะไรในตัวเด็กคนนี้?
ความจริงไม่ใช่นักธุรกิจชาวแคนาดาที่เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ฟุตบอลซีเอฟ มอนทรีออล คนเดียวที่เห็น เพราะผลงานของม็อตตาเข้าตาทีมใหญ่อย่างเปแอสเชไปจนถึงยูเวนตุสเลยทีเดียว
นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ประธานเปแอสเช กับม็อตตามีความผูกพันกันมาตั้งแต่ครั้งก่อน และเชื่อในศักยภาพของเด็กคนนี้ ขณะที่ยูเวนตุสมองว่ากุนซือคนหนุ่มมีแววดี เหมาะที่จะมารับช่วงเปลี่ยนผ่านยุคสมัยต่อจากแม็กซ์ อัลเลกรี
แต่สุดท้ายโบโลญญาคือทีมที่ม็อตตาเลือก
รอสโซ + บลู
การเลือกโบโลญญานั้นหากจะมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะเป็นทีมที่เล็ก ความกดดันและความคาดหวังน้อยกว่านั้นก็ใช่ แต่สิ่งที่ทำให้ม็อตตาไว้ใจโบโลญญาคือเรื่องของแนวทาง วิธีคิด และวัฒนธรรมองค์กรของสโมสร
โบโลญญาเคยเป็นทีมที่ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักมาก่อน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หลังซาปูโตเข้ามาร่วมลงทุนกับสโมสรในปี 2014 ซึ่งเป็นปีที่สโมสรตกชั้นลงไปเซเรีย บี ก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าของคนเดียวในปีถัดมา
ภายใต้การนำของซาปูโต ทีมอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมีเงินถุงเงินถัง แต่อย่างน้อยก็มีเสถียรภาพในทีมสูง และยังมีมือดีอย่าง โจวานนี ซาร์ตอรี หัวหน้าฝ่ายฟุตบอลสร้างชื่อกับคิเอโวและอตาลันตา ซึ่งตกลงมารับงานกับโบโลญญาในช่วงฤดูร้อน 2022
นั่นหมายถึงม็อตตามีคนที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของเขา ทั้งซาร์ตอรีที่จะคอยเฟ้นหา ‘ของดี’ มาใส่ทีมให้ ขณะที่ซาปูโตมอบอิสระในการทำงานเต็มที่
ผลตอบแทนของการลงทุนสำหรับทุกฝ่ายถือว่าคุ้มค่า เพราะผลงานของโบโลญญาค่อยๆ ดีขึ้นอย่างโดดเด่น และการเล่นฟุตบอลของพวกเขาเป็นที่น่าสนใจ
- โบโลญญาเล่นในระบบ 4-2-3-1 ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างปัญหาให้แก่คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้อย่างไม่รู้จบ
- มีสถิติการครองบอลสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของเซเรีย อา
- มีสถิติระยะการวิ่งสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเซเรีย อา
- มีสถิติเกมรับดีเป็นอันดับ 4 ของเซเรีย อา
เรียกได้ว่าเป็นทีมที่นอกจากจะรู้ว่าจะเล่นอย่างไร ยังรู้วิธีการคิดยามอยู่ในสนาม และรู้วิธีการทุ่มเททำงานหนักเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา
สิ่งเหล่านี้ทำให้แฟนๆ รอสโซบลูที่อาจจะไม่ชอบม็อตตาในตอนแรก ก็ค่อยๆ เปลี่ยนใจยอมรับเขามากขึ้นในเวลาต่อมา
ความลับของม็อตตา
การที่กุนซืออายุไม่มากอย่างม็อตตาสามารถ ‘สั่ง’ ทีมได้แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ความลับอยู่ที่เขาเป็นคนที่ ‘พูดตรง’ โดยไม่มีอ้อมค้อม เรื่องนี้ จูลิโอ มักกิโอเร อดีตลูกทีมสเปเซีย เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าม็อตตาเป็นคนที่ถ้าพูดแล้วต้องฟัง “เขาเคยเป็นนักเตะที่เก่งมากๆ มาก่อน ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่ถ้าเขาพูดเราต้องฟัง
“เขาเป็นคนที่พูดตรง เขาจะพูดต่อหน้า บอกกันตรงๆ ว่าเล่นดีหรือเล่นไม่ดี”
มักกิโอเรยังบอกว่าความลับอีกอย่างของม็อตตาคือเขาไม่มีแผนตายตัวเสียทีเดียว เพราะเชื่อว่า “ผู้เล่นทุกคนสามารถที่จะสลับบทบาทไปได้เรื่อยๆ” ซึ่งหนึ่งในนักเตะที่เจอเรื่องนี้มาแล้วคือกิยาซี ที่ไม่ได้เล่นแค่ปีก แต่ต้องหัดเล่นมิดฟิลด์หรือแม้แต่แบ็กซ้ายด้วย
นั่นทำให้ลูกทีมค่อนข้างเชื่อใจในตัวเขา และความเชื่อใจกันทำให้นักเตะอย่าง โยชัว เซิร์กซี หัวหอกคนสำคัญ, สเตฟาน พอช, ลูอิส เฟอร์กูสัน หรือริคคาร์โด ออร์โซลินี ค่อยๆ ฉายแววความโดดเด่นออกมาเรื่อยๆ
อย่างไรก็ดี หัวใจสำคัญของความสำเร็จของม็อตตาและโบโลญญาไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องฝีมือ ความไว้ใจ แต่มันมาจากการทำงานหนัก และทำงานอย่างรู้เป้าหมายด้วย
และดูเหมือนพวกเขาจะมาได้ไกลเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยซ้ำไป
Thiago Motta’s Bologna have officially QUALIFIED for Champions League – what an incredible story for football 🇮🇹👏
This club and it’s fans have gone through countless ups and downs, but today, it’s all paid off.
22 years ago, Bologna missed out on Champions League qualification… pic.twitter.com/UggdTcc5ti
— Italian Football TV (@IFTVofficial) May 12, 2024
21 เดือนนับจากวันที่ม็อตตาเข้ามา โบโลญญา สโมสรระดับกลางตารางเซเรีย อา ทำในสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อคว้าสิทธิ์การันตีไปเล่นแชมเปียนส์ลีกได้อย่างแน่นอนแล้ว หลังบุกไปเอาชนะนาโปลีได้ และโรมาไปพ่ายต่ออตาลันตา แม้ว่าจะยังเหลืออีก 2 นัดก่อนจบฤดูกาล
ไม่เพียงแต่การเป็นลบฝันร้ายเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ที่เคยพลาดการไปแชมเปียนส์ลีกในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลอย่างน่าเจ็บปวด
แต่ยังเป็นการทวงคืนวันแห่งความยิ่งใหญ่กลับคืนสู่สโมสรอีกครั้ง เพราะในอดีตโบโลญญาเคยเล่นยูโรเปียนคัพมาก่อนเมื่อ 60 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีที่พวกเขาคว้าแชมป์อิตาลีครั้งที่ 7 และเป็นแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายของสโมสรด้วย
สิ่งที่แฟนๆ รอสโซบลูหวังอย่างเดียวในตอนนี้คือ ฤดูกาลหน้าขอให้ม็อตตาอยู่ด้วยกันก่อน อย่าเพิ่งหนีจากกันไปไหน
เพราะผลงานและฝีมือขนาดนี้ อนาคตทีมใหญ่แน่นอน
อ้างอิง:
- https://www.eurosport.com/football/serie-a/2023-2024/mastermind-thiago-motta-has-bologna-fans-dreaming-of-champions-league-miracle-never-seen-anything-li_sto10033967/story.shtml
- https://www.goal.com/en/lists/thiago-motta-man-utd-juventus-linked-bologna-manager/blt681fe6cec3a4693b#csf6faae552a900035
- https://www.cbssports.com/soccer/news/how-bologna-became-serie-as-surprising-team-the-saputo-era-thiago-motta-joshua-zirkzee-and-more/