วันนี้ (14 กรกฎาคม) ดร.สุวดี พันธุ์พานิช ผู้บริหารเครือโรงพยาบาลธนบุรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา บัญชีทวิตเตอร์ @DrSuwadee ถูกทวิตเตอร์สั่งปิดถาวรภายหลังออกมาช่วยหาเตียงให้กับผู้ป่วยโควิด ให้คำแนะนำผู้ป่วยขณะรอเตียง พูดคุยเรื่องโรงพยาบาลสนาม และเรียกร้องการจัดหาวัคซีนจากรัฐบาล ร่วมกับโครงการ ‘ไม่ได้เป็นหมอแต่เป็นห่วง’ บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ในระยะเวลาเพียง 6 วัน โดยไม่ทราบสาเหตุที่ถูกสั่งปิด
“เราไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรที่จะทำให้เกิดเหตุรีพอร์ต จนกระทั่งทวิตเตอร์มาระงับการใช้งานของเราได้ เพราะตัวเนื้อหาไม่มีความรุนแรงใดๆ เลยนอกจากการช่วยคน”
ดร.สุวดีให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดระยะเวลาที่เปิดทวิตเตอร์สำหรับช่วยประสานหาเตียงให้กับผู้ป่วย มีประชาชนเข้ามาติดต่อหลักพันและได้ช่วยเหลือหาเตียงให้ไปมากกว่า 300 รายแล้ว จนกระทั่งถูกระงับการใช้งาน ทำให้ยังมีผู้ป่วยค้างอยู่ในกล่องข้อความจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือและมีข้อมูลสำคัญอย่างเลขบัตรประชาชน ใบรับรองผลการตรวจโควิด รวมถึงติดตามอาการของผู้ป่วยที่ยังไม่ได้เตียง
ดร.สุวดีกล่าวว่า เธอไม่มั่นใจว่าหากเปิดบัญชีทวิตเตอร์ใหม่อีกครั้งเพื่อช่วยหาเตียงให้กับผู้ป่วยแล้วจะถูกสั่งปิดอีกหรือไม่ เนื่องจากทางทวิตเตอร์ไม่ได้ให้สาเหตุใดในการปิดบัญชีทวิตเตอร์ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (14 กรกฎาคม) ดร.สุวดีได้เปิดเผยว่าบัญชีทวิตเตอร์ของเธอสามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยทางทวิตเตอร์ไม่ได้แจ้งเหตุผลของการระงับบัญชีและการยกเลิกการระงับบัญชีแต่อย่างใด โดยที่ผู้ติดตามหายไปทั้งหมดแต่ยังสามารถเปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาได้ตามปกติ
ด้าน อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล นักวิจัยด้านวัฒนธรรมดิจิทัลและนโยบายอินเทอร์เน็ต ผู้ร่วมก่อตั้งและเลขานุการกรรมการ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตและวัฒนธรรมพลเมือง เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการระงับการใช้งานบัญชีทวิตเตอร์ครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องที่ตัวแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่แจ้งเหตุผลของการระงับการใช้งานบัญชี สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะบัญชีทวิตเตอร์ของดร.สุวดีเป็นการกระจายข่าวเกี่ยวกับโควิดที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนของความถูกต้องของข้อมูลในช่วงนี้หรือไม่ หรือเกิดจากการแทรกแซงทางการเมืองที่เกี่ยวพันกับกฎหมายเฉพาะของแต่ละประเทศ แม้ว่าสำนักงานใหญ่ของแพลตฟอร์มจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยก็ตาม
อาทิตย์ได้กล่าวอีกว่า ทางแพลตฟอร์มควรจะแจ้งเมื่อมีการสั่งปิดบัญชี เพื่อผู้ใช้งานจะได้ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรเพื่อที่จะได้ปรับการใช้งานให้ถูกต้อง หรือหากเป็นการทำผิดกฎหมายท้องถิ่นในแต่ละประเทศก็ต้องมีการแจ้งข้อกฎหมายรองรับความผิด แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะของผู้ร้ายในการมอบความโปร่งใสให้แก่ผู้ใช้งาน เพราะที่ผ่านมาทวิตเตอร์ก็เคยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศไทยในการปิดการมองเห็นของคนในประเทศจากผู้ใช้งาน 3 รายมาแล้ว
