หนึ่งในคดีนายทุนสีเทาจีน ที่สืบเนื่องมาจากคดีผับในอาคารจินหลิง หลังเจ้าหน้าที่บุกทลายไปเมื่อเช้ามืดวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งพบว่าลักลอบเปิดบริการอย่างผิดกฎหมาย โดยเปิดเป็นร้านล้างรถบังหน้า พบนักเที่ยวทั้งชายและหญิง ส่วนมากเป็นชาวจีนรวม 237 ราย และคนไทย 29 ราย พร้อมยาเสพติด เคตามีน และยาแฮปปี้ (Happy Water) ไฟว์ ไฟว์ บรรจุอยู่ในซองพลาสติกจำนวนกว่า 300 ซอง และพบยาเสพติดตกกระจายตามห้องคาราโอเกะของกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก แต่ขั้นตอนการออกหมายจับดูเหมือนจะใช้เวลามาร่วมเดือน จน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ออกมากดดัน ทั้งเข้าพบ ว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงโพสต์เฟซบุ๊กว่า เหตุใดถึงออกหมายจับล่าช้า ทั้งหมดนี้เกิดอะไรขึ้น
แม้วันนี้ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ‘ตู้ห่าว’ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดของผับจินหลิงจะเข้ามอบตัวแล้ว ยังเหลือ ‘เฉินหยาง’ ที่ตำรวจออกหมายจับในคดีเดียวกันอีกราย แต่ดูเหมือนว่าความขัดแย้งระหว่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และ สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ยังคงไม่จบ หลังมีประเด็นกันนับตั้งแต่มีคดีนายทุนเกิดขึ้น และต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?
ร่วมพูดคุยกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พบกันในรายการ THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ วันนี้ 23 พฤศจิกายน เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD